4. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ และระบบประสาท หรือที่เกี่ยวข้องกับทาง จิตเวช (Neuromuscular / Psychiatric) ในกลุ่มนี้ความผิดปกติที่พบบ่อยคือ เส้นเสียงอัมพาต (vocal cord paralysis) ซึ่งมักจะเกิดจากการผ่าตัด (iatrogenic) เนื้องอกกดเส้นประสาท (tumor invasion/ compression) หรือไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic) นอกจากเหนือจากเส้นเสียงอัมพาตแล้ว ภาวะเสียงแหบในกลุ่มนี้ยังรวมไปถึงโรคทางสมองที่เกี่ยวกับการควบคุมเส้นประสาทที่มาเลี้ยงเส้นเสียงด้วยเช่นกัน เช่น โรคพาร์กินสัน (parkinson-disease) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง MG (Myasthenia gravis) หรือนอกจานี้ยังมีโรคอื่น ๆ ที่เกิดได้อีกเช่น โรคเส้นเสียงตึง (Spasmodic dysphonia) ซึ่งปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และกลุ่มที่เสียงผิดปกติจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อ (Muscular tension dysphonia) ซึ่งมักจะตรวจร่างกายพบว่าเส้นเสียงรูปร่าง และการทำงานนั้นปกติดี
5. เสียงแหบที่พบร่วมกับโรคร่วมกับระบบอื่น ๆ ของร่างกาย (associated with systemic disease) ในกลุ่มนี้มักพบได้ไม่บ่อยโดยส่วนมากจะเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune diesease) เช่น โรคเอสแอลอี (SLE) ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid) เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้มีส่วนทำให้ข้อต่อในการขยับของเส้นเสียงมีความผิดปกติไป
วิธีการดูแล รักษา (Management and Treatment)
โดยทั่วไปนั้นการพัก/งดการใช้เสียง และการดื่มน้ำให้ร่างกายปราศจากภาวะขาดน้ำ (dehydration) เป็นการรักษาแรกเนื่องจากสาเหตุโดยส่วนใหญ่นั้นพบว่าเกิดจากการอักเสบ/ระคายเคืองของเส้นเสียง ส่วนในกลุ่มผู้ป่วยที่พบว่ามีปัญหาเสียงแหบไม่หายเป็นเวลานานอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินรับการส่องกล้องดูเส้นเสียง (laryngoscopy) เพราะดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงแหบพบว่ามีมากมาย และการรักษาในแต่ละโรคมีการใช้ยารักษารวมไปถึงวิธีการปฏิบัติตัวที่แตกต่างกัน