Heart Disease in Pregnancy : โรคระบบหัวใจในสตรีตั้งครรภ์
นพ. ธีระ ทองสง
ความสำคัญและอุบัติการณ์
- เป็นโรคทางอายุรศาสตร์ที่เป็นสาเหตุการตายของมารดาบ่อยที่สุด
- พบได้บ่อย คือประมาณร้อยละ 1-2 ของสตรีตั้งครรภ์
- การตั้งครรภ์ เพิ่มภาระงานของหัวใจอย่างมาก ถ้าหัวใจมีศักยภาพสำรองต่ำอาจจะไม่สามารถรับการเปลี่ยนแปลงปกติที่เกิดจากการตั้งครรภ์ได้
- ส่วนใหญ่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค (90% เป็นชนิด mitral stenosis; MS) แต่ปัจจุบันโรคหัวใจโดยกำเนิดพบขณะตั้งครรภ์ได้บ่อยขึ้น หรือบ่อยกว่า (เนื่องจากการรักษาดีขึ้นจนตั้งครรภ์ได้ ประกอบกับอุบัติการณ์ของโรคหัวใจรูห์มาติคลดลง)
การเปลี่ยนแปลงของหัวใจและหลอดเลือดในครรภ์ปกติ
- ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น 40-50% (~ 1500 มล.) ในครรภ์แฝดอาจเพิ่มถึง 70% พลาสมาเพิ่มมากกว่าเม็ดเลือดแดง ซึ่งเพิ่ม~ 30%
- Cardiac Output (CO) เพิ่มขึ้นร้อยละ 30-40 เพิ่มตั้งแต่อายุครรภ์ 6 สัปดาห์ ถึงระดับสูงสุดประมาณ 20-24 สัปดาห์ การเจ็บครรภ์คลอดและเบ่งคลอดยิ่งมีการเพิ่ม CO
- ช่วงทันทีหลังคลอด CO เพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากมดลูกไม่กด vena cava อีกต่อไป และเพิ่ม venous return เนื่องจากมดลูกเล็กลงและไม่เป็นแหล่งคั่งของเลือดอีกต่อไป
- แรงต้านทานในเส้นเลือดทั่วไปลดลงถึงต่ำสุดในไตรมาสที่สอง
- หัวใจมี left axis deviation และ tricuspid regurgitation ได้เป็นปกติ
- เลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้นเล็กน้อย
ผลของการตั้งครรภ์ต่อโรคหัวใจ
- การวินิจฉัยยากขึ้น: อาการและอาการแสดงหลายอย่างของการตั้งครรภ์คล้ายโรคหัวใจ เช่นรู้สึกเหนื่อยง่าย ฟังได้ murmur จากการตั้งครรภ์
- โรคหัวใจรุนแรงขึ้นขณะตั้งครรภ์ : ระดับความรุนแรงมากขึ้น หัวใจล้มเหลวบ่อยขึ้น
- ไข้รูห์มาติคมีแนวโน้มเป็นกลับซ้ำบ่อยขึ้นในขณะตั้งครรภ์
- โรคลิ้นหัวใจมีโอกาสเกิด bacterial endocarditis ขณะคลอด หรือหัตถการช่วยคลอด
- การตั้งครรภ์ทำให้เกิด cardiomyopathy ในระยะหลังคลอดได้แม้อุบัติการน้อย
ระดับความเสี่ยงต่อการตายของสตรีตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ
Group 1 0-1 %
- Atrial septal defect
- Ventricular septal defect
- Patent ductus arteriosus
- Pulmonic or tricuspid disease
- Fallot tetralogy, corrected
- Bioprosthetic valve
- Mitral stenosis, NYHA class I and II
Group 2 5-15 %
2A
- Mitral stenosis, NYHA class III and IV
- Aortic stenosis
- Aortic coarctation without valvar involvement
- Fallot tetralogy, uncorrected
- Previous myocardial infarction
- Marfan syndrome, normal aorta
2B
- Mitrial stenosis with atrial fibrillation
- Artificial valve
Group 3 25-50 %
- Pulmonary hypertension
- Aortic coarctation with valvar involvement
- Marfan syndrome with aortic involvement
ที่มา: Cunningham FG, Leveno KJ, Bloom SL, Hauth JC, Gilstrap III LC, Wenstrom KD. Williams obstetrics. 22th ed. New York : McGraw-Hill, 2005;1020.
ผลของโรคหัวใจต่อการตั้งครรภ์
ขึ้นกับชนิดและความรุนแรงของโรคหัวใจ
- เพิ่มอัตราการแท้งเอง และคลอดก่อนกำหนด
- เพิ่มการตายปริกำเนิด
- เพิ่มอัตราภาวะโตช้าในครรภ์
- เพิ่มอัตราทารกหัวใจพิการโดยกำเนิด โดยเฉพาะรายที่มารดาเป็นโรคหัวใจโดยกำเนิด
- การทำแท้งเพื่อการรักษา เพื่อป้องกันอันตรายในมารดาบางราย
การวินิจฉัยโรคหัวใจในสตรีตั้งครรภ์
อาการที่ควรคิดถึงโรคหัวใจ :
- อาการหายใจลำบากที่รุนแรง หรือเป็นช่วง ๆ ตอนกลางคืน
- อาการนอนราบไม่ได้
- ไอเป็นเลือด
- เป็นลมเมื่อออกแรง เหนื่อยง่ายมาก
- เจ็บอกที่สัมพันธ์กับการพยายามออกแรงหรืออารมณ์
อาการแสดงที่ควรคิดถึงโรคหัวใจ :
- เขียว หรือ clubbing
- เส้นเลือดดำที่คอขอดหรือโป่งพอง
- ฟังได้ systolic murmur grade III ขึ้นไป หรือ diastolic murmur
- persistent split second heart sound หรือ loud P2
- left parasternal lift และ หัวใจโตชัดเจนจากภาพรังสี
- arrhythmia รุนแรง
การตรวจพิเศษ
- EKG
- Echocardiography (อาจเป็น doppler) พิจารณาเป็นราย ๆ ไป
การจำแนกความรุนแรงของโรคหัวใจ
นิยมจำแนกตาม New York Heart Association ซึ่งจำแนกตามอาการของผู้ป่วยดังนี้
- Class I Uncompromised : ทำงานได้ตามปกติโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
- Class II Slightly compromised : สบายดีขณะพักแต่ถ้าทำงานตามปกติจะรู้สึกเหนื่อย
- Class III Markedly compromised : สบายดีขณะพักแต่ถ้าทำงานเล็กน้อยก็จะรู้สึกเหนื่อย
- Class IV Severely compromised : มีอาการของโรคหัวใจคือหอบเหนื่อยแม้ขณะพัก
แนวทางการดูแลรักษาโรคหัวใจระหว่างการตั้งครรภ์
ควรพิจารณาในหัวข้อดังต่อไปนี้
- ให้คำปรึกษาก่อนการตั้งครรภ์
- การดูแลรักษาทั่วไป
- การทำแท้งเพื่อการรักษา
- การควบคุมโรคด้วยยาต่าง ๆ
- ระวังภาวะหัวใจล้มเหลวตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- ตรวจติดตามสุขภาพทารกในครรภ์ เช่น นับลูกดิ้น NST, BPP
- การดูแลระยะคลอด
- การคุมกำเนิด
การให้คำปรึกษาก่อนการตั้งครรภ์
- ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ว่าสามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
- การคุมกำเนิดด้วยวิธีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย
- การตั้งครรภ์ควรเป็นไปอย่างมีการวางแผน และได้รับการดูแลตลอดการตั้งครรภ์
- ถ้าเป็น class I หรือ class II ที่ไม่เคยหัวใจล้มเหลวมาก่อนอนุญาตให้ตั้งครรภ์ได้ โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
- ผู้ป่วย class III และ class IV เป็น class II ที่เคยมีประวัติหัวใจล้มเหลวมาก่อน ไม่ควรแนะนำให้ตั้งครรภ์
การดูแลรักษาทั่วไป
- ควรดูแลร่วมกันระหว่างสูติแพทย์ และแพทย์ทางโรคหัวใจ
- รักษาจำเพาะตามชนิดของโรค (โดยอายุรแพทย์หรือศัลยแพทย์หัวใจและหลอดเลือด)
- ลด stress ต่อหัวใจ เช่น ความกังวล ภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อทุกชนิด
- ลดการออกกำลังหักโหมที่อาจเพิ่มภาระงานแก่หัวใจ
- ลดอาหารเค็มลงบ้างแต่ก็ไม่ต้องจำกัดเกลือมากนัก
- ควรงดดื่มสุราและงดสูบบุหรี่ ยาบางอย่างเช่น cocaine, amphetamine
- พักผ่อนอย่างน้อยที่สุด 10 ชั่วโมงในตอนกลางคืน และนอนพักครึ่งชั่วโมงหลังอาหาร
- มารับการฝากครรภ์ในหน่วยครรภ์เสี่ยงสูงบ่อยกว่าปกติ
- ในระยะ 28 สัปดาห์แรก ให้มาตรวจทุก 2 สัปดาห์
- ต่อไปตรวจทุก 1 สัปดาห์ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ควรประเมินการทำงานของหัวใจทุกครั้ง และตรวจหาอาการของหัวใจล้มเหลวด้วย
- Class I : ควรรับไว้ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนครรภ์ครบกำหนด Class II ถ้าเป็นไปได้ควรนอนโรงพยาบาลตลอดไตรมาสสุดท้าย
- Class III, IV หรือโรคชนิดรุนแรง ให้นอนในโรงพยาบาลตลอดการตั้งครรภ์
การทำแท้งเพื่อการรักษา
อาจพิจารณาทำในรายที่
- มีประวัติหัวใจล้มเหลวมาก่อนซึ่งยังไม่ได้แก้ไขสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจล้มเหลวขณะตั้งครรภ์
- พยาธิสภาพรุนแรง มีความเสี่ยงสูงต่อการตายสูง ได้แก่ โรค group 3
- โรคหัวใจ class III และ IV
- หัวใจอักเสบหรือกำลังอักเสบอย่างรุนแรงจากไข้รูห์มาติค
การควบคุมโรคด้วยยาต่าง ๆ
Digitalis พิจารณาให้ในรายที่
- โรคหัวใจ class III และ class IV
- ผู้ป่วยที่มีประวัติหัวใจล้มเหลว (มีโอกาสเกิดซ้ำได้อีก 2 ใน 3)
- หัวใจโต
- Atrial fibrillation
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ในรายที่จำเป็นต้องใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (โดยเฉพาะลิ้นหัวใจเทียมชนิด mechanical) ถ้าเป็นไปได้ควรให้ heparin ตลอดการตั้งครรภ์ (หยุดในระยะคลอด) เพราะไม่ผ่านรก ค่อยเปลี่ยนเป็น warfarin หลังคลอดอย่างน้อย 6 ชั่วโมงหลังคลอด แต่ยุ่งยากในการบริหารยา ถ้าจำเป็นต้องให้ warfarin ควรหลีกเลี่ยง ในไตรมาสแรก เพราะทำให้เกิดความพิการของทารกได้ และหลีกเลี่ยงช่วงท้ายเพราะจะเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติในทารก และการควบคุมฤทธิ์ยาในระยะคลอดยากกว่า heparin
ระวังภาวะหัวใจล้มเหลวตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
- ฟังได้เสียง persistent rales ที่ base ของปอด ร่วมกับอาการไอ หลังจากหายใจลึก ๆ 2-3 ครั้งแล้ว ยังคงฟังได้ยินเสียง rales อยู่
- ทำงานบ้านได้น้อยลง
- หอบเหนื่อยขณะออกกำลัง
- ไอเป็นเลือด
- ภาวะบวมมากขึ้น
- หัวใจเต้นเร็ว (tachycardia)
การดูแลระยะการคลอด
- ควรรับไว้ในโรงพยาบาลก่อนคลอด และให้คลอดทางช่องคลอด การผ่าตัดควรถือตามข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ เช่น fetal distress, CPD รกเกาะต่ำ เป็นต้น
- ให้ผู้ป่วยนอนในท่า semirecumbent
- ให้ยาแก้ปวดในระยะคลอด การให้ยาชาแบบ continuous epidural block จะช่วยลดอาการเจ็บปวดและความกังวลได้ดี แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดความดันโลหิตต่ำ ถ้าจะทำผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแนะนำให้ใช้วิธีดมยาสลบ
- ระวังหัวใจล้มเหลว ถ้ามีตรวจให้พบโดยเร็วและรีบรักษาแต่เนิ่น ๆ
- แนะนำให้ยาปฏิชีวนะป้องกัน bacterial endocarditis (BE) ในรายที่มีการติดเชื้อ
- ช่วยคลอดด้วยคีมหรือเครื่องดึงสูญญากาศ เพื่อร่นเวลาเจ็บครรภ์ของระยะนี้ โดยไม่ต้องให้มารดาออกแรงเบ่งคลอด
- หลังคลอดยังเป็นช่วงวิกฤติ หัวใจล้มเหลวได้ง่าย ให้เฝ้าสังเกตผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดระวังเรื่องการตกเลือดและการติดเชื้อหลังคลอด ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ให้เลี้ยงลูกด้วยนมมารดาได้
การให้ยาปฏิชีวินะป้องกัน bacterial endocarditis (BE)
การคลอดทางช่องคลอดหรือผ่าตัดคลอดในสตรีที่เป็นโรคหัวใจจะไม่แนะนำให้การป้องกัน IE ด้วยยาปฏิชีวนะ ไม่ว่าจะเป็นรอยโรคหัวใจชนิดใดก็ตาม มีเพียงโรคหัวใจที่มีความเสี่ยงสูงสุดต่อผลร้ายจาก bacterial endocarditis เท่านั้น เช่น chorioamnionitis หรือ pyelonephritis (รวมถึงหัตถการทางทันตกรรมบางอย่าง) ซึ่งต้องให้การรักษาตามปกติ และควรรวมการป้องกัน BE ไปด้วย ซึ่งรอยโรคที่ควรให้การป้องกัน คือ ลิ้นหัวใจเทียม เคยเป็น BE มาก่อน cyanotic heart disease ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือผ่าตัดแล้วแต่มีรอยโรคหลงเหลือ โดยให้ก่อนทำหัตถการ 30-60 นาที คือ Ampicillin 2 g IV หรือ Cefazolin หรือ ceftriaxone 1 g IV หรือรับประทาน amoxicillin 2 g กรณีที่แพ้ penicillin ให้ Cefazolin หรือ ceftriaxone 1 g IV หรือ clindamycin 600 mg IV
ที่มา: ACOG Committee Opinion No. 421, November 2008: antibiotic prophylaxis for infective endocarditis. Obstet Gynecol. 2008 Nov;112(5):1193-4.
การคุมกำเนิด
- แนะนำทำหมันเมื่อระบบหัวใจและหลอดเลือดปกติดีแล้ว (หลีกเลี่ยงการทำด้วยวิธีแลพพาโรสโคป)
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีเอสโตรเจน (น้ำและโซเดียมคั่งได้ง่าย)
- หลีกเลี่ยงการใส่ห่วงอนามัย (เพิ่มความเสี่ยงต่อ BE)
การพยากรณ์โรค ขึ้นกับ :-
- ความรุนแรงของโรคหรือความสามารถในการทำงานของหัวใจ จำแนกตาม NYHA
- ภาวะแทรกซ้อนที่เพิ่มการทำงานของหัวใจในขณะตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด เช่น การตกเลือดการติดเชื้อ โลหิตจาง เป็นต้น
- คุณภาพของการดูแลรักษาและความร่วมมือของผู้ป่วย
- สภาวะจิตใจ สิ่งแวดล้อม เศรษฐานะ ของผู้ป่วยและครอบครัว ถ้าผู้ป่วยมีความกังวลใจ ฐานะไม่ดี ต้องทำงานหนัก ก็ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
- ภาวะการไหลเวียนเลือดในปอด
- ขนาดของหัวใจ
- อายุ ถ้ามากกว่า 30 ปี พบหัวใจล้มเหลวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25 แต่ถ้าอายุน้อยกว่า 30 ปี พบเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น