Happy New Year 2024

สวัสดีปีใหม่ 2567
Happy New Year 2024

Happy New Year 2024

ส.ค.ส. 2567

พร ธรรม กำลังใจ

สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั่วดินฟ้าสากล
โปรดประทานพร
และเป็นกำลังใจ
ให้้เราทั้งหลาย
คิด ทำ แต่สิ่งที่ดี

Happpy New Year 2024

อิทัปปจยตา

เลขพ.ศ.เปลี่ยนแล้ว  อายุมากขึ้น
วันนี้ เป็นวันแรกของชีวิตที่เหลือน้อยลง
และวันนี้ อาจเป็นวันสุดท้ายของชีวิตที่ถูกใช้จวนจะหมดสิ้น
พรุ่งนี้กับชาติหน้า ไหนจะมาถึงก่อนกัน
ปีใหม่บอกเราว่า ชีวิตไม่จีรังยั่งยืน ต้องแปรสภาพ
อนัตตา ไม่ใช่ตัวเราของเราที่แท้จริง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
กายนี้ใจนี้ หยิบยืมมาใช้ชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แล้วผันแปร
เรามิได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง ดำเนินไปอย่างนอกเหนือการควบคุมของเรา
เราก็แค่การรวมตัวกันของขันธ์ห้าอย่างเปราะบาง  แล้วแตกทำลาย
สิ่งทั้งหลายเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย
มิได้เป็นไปตามใจใคร  มิได้เป็นไปตามใจเรา
แม้เราอาจรู้สึกมีส่วนผลักดันบางอย่างให้เปลี่ยนไป
ก็เป็นเพียงปัจจัยจิ๋ว ๆ ที่ไม่อาจนำมาอ้างสิทธิ์ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง
การรู้ซึ้งและคิดได้ ย่อมคลายความสำคัญตน ย่อมสยบทุกอีโก้โอหัง
สู่ rest in peace ที่มีลมหายใจ

บทส่งท้ายจากคุณหมอกฤตไท

ถ้าจะให้สรุปบทเรียนจากน้องมะเร็งในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาคงสรุปได้ว่า
“ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย
จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้
ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง
และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน
อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”

R.I.P. 5 ธ.ค. 2566 วันที่คุณหมอจากไป

จอมยุทธ์

ในยุทธภพชีวิต ต่อให้แสนดีสักเพียงใด
ก็ต้องมีสักวันหนึ่งหรอก
ที่ต้องโดน bully ด่าทอ  comment ร้าย ๆ รัว ๆ
ประชดประชันจากคนคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ต่อหน้าและลับหลัง
เราจึงไม่สามารถมีวันดี ๆ ได้ทุกวัน
แต่เราสามารถอยู่กับวันที่ไม่ดี ด้วยความรู้สึกที่ดีได้
ด้วยการให้อภัย ด้วยใจที่ไม่ถือ อันคือปัญญาสูงสุด
จอมยุทธ์ย่อมไม่ bully ใคร และไม่หวั่นไหวที่ใคร bully เรา
ไม่เอาแต่ใจ ไม่สะใจใคร ให้อภัยเต็มร้อย
ดีมาก็ดีไป ร้ายมาก็ดีไป ด้วยใจสงบเย็น

ความเข้าใจผิด

ทำดีต้องได้ดี  ทำบุญต้องได้บุญ  >>>  ทำดีไม่ได้อะไร ได้แค่ละกิเลส ทำบุญ ได้แค่สบายใจ
ดีกับใคร คนนั้นต้องดีตอบ >>>  เรามีหน้าที่ดี ใครจะดีกับเราหรือไม่ดีกับเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา
ให้อะไรใคร ต้องได้กลับคืน >>> การให้ คือยินดีเสียสละ ให้แล้วคาดหวังไม่ใช่การให้ อ้างบุญคุณไม่ได้
แก่แล้ว ทำอะไรก็ได้ >>>  แก่แล้วยิ่งต้องสำนึก ทำชั่วไม่ได้ เวลาเหลือน้อย
ต้องทำเพื่อความมั่นคงของชีวิตในภายหน้า >>>  ความมั่นคงไม่มีในโลก ตายได้ทุกเมื่อ
ความต้องการของตัวเองสำคัญที่สุด เราสำคัญที่สุด >>>  ไม่มีความต้องการ สำคัญที่สุด
(พุทธทาสภิกขุ)

เก่งให้ตรงจุดหมายชีวิต

เก่งวิชาการ เห็นอยู่ทุกภาควิชา
เก่งกีฬา เห็นอยู่ทุกสนาม
เก่งบริหาร เห็นอยู่ทุกองค์กร
เก่งแสดง เห็นอยู่ในทุกสื่อ
เก่งทำงาน เห็นอยู่ทั่วไป
เก่งทำใจ มีซักกี่คน!!!

อย่าได้ผุดได้เกิด

ใครคิดร้ายกับเรา
ไม่น่ากลัวเท่าเราคิดร้ายกับใคร
ใครอิจฉาเรา
ไม่เร่าร้อนเท่าเราอิจฉาใคร
ใครโกรธเรา
ไม่แผดเผาเท่าเราโกรธใคร
ขอให้มีสติในการกระทบครั้งต่อไป
รู้เท่าทันใจ ไม่ยอมให้ ริษยา อาฆาต คิดร้าย
ได้ผุดได้เกิด

Time to change

มีคนมากมาย
ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้
แต่มีคนเพียงน้อยนิด
ที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตนเอง
(เลโอ ตอลสตอย)

มั่งมีปีใหม่

ตรวจสอบตนเอง
มองไปข้างหน้าเพื่อก่อความหวัง
มองไปข้างหลังเพื่อเก็บบทเรียน
นึกถึงปีที่ผ่านมา
สิ่งใดที่ทำไปแล้ว
นึกถึงเมื่อใดก็สบายใจเมื่อนั้น นั่นคือบุญ
สิ่งใดที่ทำไปแล้ว
นึกถึงเมื่อใดก็ไม่สบายใจเมื่อนั้น นั่นคือบาป
นึกถึงปีใหม่นี้และปีหน้า
มั่นหมายว่า บาปจะมอดไหม้ บุญจะมั่งมี

รู้สึกดีไหม

กับการรอคอยโหยหาคำชม จากใคร ๆ
ร้อน ๆ หนาว ๆ กับการร่ำหาการยอมรับ
วัน ๆ จิตใจระหกระเหิน ระทมระทึก
ขึ้นลงกับคำ comments จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
ทุ่มเทใจและเวลา เพื่อวิเคราะห์แค่คำพูดส่งเดชจากใครบางคน
เพียงเพื่ออยากรู้ว่าใคร ๆ คิดอย่างไรกับเรา
ได้เวลาแล้วไหม ที่จะมีสติ ตื่นรู้ และถามตัวเองว่า
เราคิดอย่างไรกับตัวเอง
แล้วปรับปรุงแก้ไข จนรู้สึกดีต่อตัวเองให้ได้
ใคร ๆ รู้สึกดีกับเรา ก็ไม่เท่ากับเรารู้สึกดีต่อตนเอง

ทำงาน ปานประหนึ่งว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้

(ชีวิตคนทำงาน: ค่าตอบแทนเล็ก ๆ คือเงินเดือน
ค่าตอบแทนสูงสุดคือความสุขของชีวิตที่มีคุณค่า ได้รับสมน้ำสมเนื้อไหม)
ความสำเร็จในหน้าที่การงาน คือ ความสุขจากการมีใจในการสร้างชีวิตที่มีคุณค่า
ถึงเราไม่อาจมีเงินเดือนนับแสนนับล้าน  แต่เราสามารถสร้างคุณค่าเกินกว่าเงินแสนเงินล้าน
ผลงานทรงคุณค่าเกิดจากการมีใจในงานเสมอ  เพราะมีใจ สมองจึงทำงาน ประสบการณ์จึงถูกใช้
เพราะเมื่อมีใจ.. จะมีพลังมหาศาลปลุกชีวิตให้ตื่นขึ้นย้ายภูเขาถมทะเล
แต่ถ้าไม่มีใจ.. แค่พลิกฝ่ามือก็ไม่มีแรง สมองท้อแท้ หัวใจไม่อยากสูบฉีด
สมองเยอะ ทักษะสูง ประสบการณ์มาก ก็ล้มเหลวในหน้าที่การงาน ถ้าไม่มีใจ
ความมีใจ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของความสำเร็จ
ความมีใจสร้างได้ ด้วยการฝึกฝันถึงชีวิตที่มีค่าเป็นอาจิณ
รู้สึกสัมผัสชัดแจ้งว่าทุกการให้ ทุกคุณค่า ทุกความดี มีความสุขเสมอ
คนทั่วไปแสวงหาเงิน และอำนาจ คนฉลาดแสวงหา passion บันดาลใจ
ศรัทธาในงานวันนี้ จะนำมาซึ่งความรู้สึกสุดดี และมีคุณค่า
จะซึ้งเลยว่า ทุกความเสียสละ ทุกความใส่ใจในงาน
จะนำมาซึ่งความรู้สึกดี ที่สร้างได้ด้วยการมีใจ
ความสำเร็จในการงาน วัดกันที่ความรู้สึกดี โดยไม่ต้องมีใครรับรู้ก็ได้

ขอให้โชคดี

โชคชะตาถูกกำหนดมาไม่เหมือนกัน ดีร้ายดูได้อย่างไร
คนจำนวนมากเกิดมาโชคร้าย อาภัพ เอาแต่ใจตน เต็มไปด้วยการเรียกร้อง มากด้วยความไม่ได้ดั่งใจ
คนจำนวนหนึ่งเกิดมาโชคดีมีวาสนา เกิดมาคิดเป็น เผื่อแผ่คนได้ ให้อภัยคนเป็น เป็นที่พึ่งของใคร ๆ
คนจำนวนน้อยโชคดีสุดสุด เกิดมามีปัญญาสูงส่ง มีสติรู้ทัน ไม่หวั่นไหว ได้มา-เสียไป ใจปกติ
แต่รู้ไหมว่า เรามีอำนาจต่อรองกับชะตากรรมมากมายสักเพียงใด

Read More

Happy New Year 2023

สวัสดีปีใหม่ 2566
Happy New Year 2023

Happy New Year 2023

ส.ค.ส. 2566

พร ธรรม กำลังใจ

สรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทั่วดินฟ้าสากล
โปรดประทานพร
และเป็นกำลังใจ
ให้้เราทั้งหลาย
คิด ทำ แต่สิ่งที่ดี

Happpy New Year 2023

ออกแบบชีวิตให้กับปีต่อไป

ย่อมเคยมีบ้าง
กับบางก้าวของชีวิตที่ผิดพลาด
ไม่อาจย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีต
แต่เราสามารถที่จะไม่ทำแบบเดิม
เรายังมีอำนาจต่อรองกับลิขิตฟ้า เกินกว่าที่ใครคาดคิด
ยังมีสิทธิ์ออกแบบจุดจบของมัน
ให้สวยงามกว่าที่ชะตากรรมกำหนดไว้

ทำนายว่า…ปีหน้านี้

คงมีสักครั้งที่ใครใกล้ตัว จะขึ้นเสียงเกรี้ยวกราดกับเรา
ขอให้รู้สึกตัวทันที ตั้งสติให้ได้
เห็นและจับความเคลื่อนไหวในใจเรา
กำหนดรู้ ดูใจ หายใจให้ช้า ไม่หาเหตุผลอธิบาย
สงบจนได้ยินในสิ่งที่เขาไม่ได้พูด เห็นในสิ่งที่เขาไม่ได้แสดง
รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน
แล้วความเห็นใจจะแก้ไขทุกอย่าง

อเวราโหนตุ

ที่สุดของของขวัญที่จะกำนัลให้ตัวเอง
คือการให้อภัยคนอื่น
ยิ่งแก้แค้นความแค้นยิ่งเพิ่ม
เวรลบล้างด้วยการจองเวรไม่ได้
ความมืดไม่อาจขับไล่ความมืด
มีเพียงแสงสว่างเท่านั้นที่ทำได้
เมื่อให้อภัย ใจก็หยุดร้าย
สิ้นเวร สิ้นภัย ใจสบาย กายสงบ
และบางที…ใครบางคน…อาจสำนึก
แม้เราแก้ไขอดีตไม่ได้
แต่เราได้แก้ไขอนาคตแล้ว

เมื่อเราพอมีพอกิน

คนที่มีเงินในบัญชีมากที่สุด ไม่ได้แปลว่ามีความสุขที่สุด
มั่งมีสักเพียงใด ก็ไม่สามารถมีได้ทุกอย่าง
มั่งคั่งสักแค่ไหน ก็ไม่รับประกันความสุขเสมอไป
มีมากแต่อยากมีอีก.. ก็เป็นทุกข์
การไม่มี…ไม่เจ็บเท่าความอยากมี
ความโลภจึงเป็นที่สุดแห่งความยากจน ที่เติมไม่มีวันเต็ม
รวยจน ไม่ได้อยู่ที่มีมากน้อยเพียงใด แต่อยู่ที่เพียงพอหรือยัง
สันตุฎฐี ปรมัง ธนัง
สันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง
แปลว่ารู้สึกพอก็รู้สึกรวย
รู้สึกพอคือบ่อเกิดแห่งการเสียสละทุ่มเทเพื่อผู้อื่น
ใจที่เพียงพอ เป็นต้นทางแห่งบุญทานที่ไม่มีวันสิ้นสุด

คนมีบุญ

คนที่มีคนคอยช่วยเหลือ
นับว่าเกิดมามีบุญ
คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่น
นับว่าเกิดมามีบุญยิ่งกว่า
(พระสังฆราชองค์ที่ 20)

ขอให้ฝันดี

ความใฝ่ฝันจะกำหนด
พฤติกรรมและทิศทางของชีวิต
ฝันถึงชีวิตที่มีค่า… เขาจะทำแต่สิ่งที่มีค่า
อันนำมาซึ่งความปีติใจไปชั่วชีวิต
ฝันถึงชีวิตที่มีเงิน เขาจะหาแต่เงิน…
อันนำมาซึ่งความเครียดตลอดกาล
แก่นสำคัญของการศึกษา
คือการสร้างแรงบันดาลใจให้ใคร ๆ
ฝันถึงชีวิตที่มีค่า มากกว่าชีวิตที่มีเงิน

เมื่อเราไม่ค่อยมีอันจะกิน

คุมตัวเองให้ได้จากเรื่องง่าย ๆ
อย่าออมด้วยเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย
แต่ ให้ใช้จ่ายด้วยเงินที่เหลือจากการออม
(วอร์เรน บัฟเฟตต์)

ทำดีไม่มีใครเห็นก็เป็นสุข

หากรู้สึกเหนื่อยกับการทำความดี
นั่นเพราะเรามีสิ่งคาดหวังแอบแฝง
เหนื่อยเพราะการรอคอยคนเห็นคุณค่า
ใจหายที่ไม่มีคนกดไลค์
หากกล้าที่จะไม่หวัง ทำแล้วลืมเลย
จะมีความดีลับตาคนให้ตนปีติ
ทำสิ่งดี ๆ ที่ไม่ต้องมีใครรับรู้
ให้มาก ๆ … แล้วจะรู้ว่า
ไม่มีความดีใดที่ทำแล้วไม่มีความสุข

เตือนตน

ทำให้มาก คือความดี
มีให้มาก คือน้ำใจ
ให้ให้มาก คืออภัย
ลืมให้ได้ คือความแค้น
จำให้แม่น คือคุณคน
ถือให้ทน คือสัจจะ
ละให้หมด คือสิ่งผิด
ยึดให้ติด คือกตัญญู
รู้ให้มาก คือใจตน
ทนให้ได้ คือคำนินทา
ทุกปัญหา ดับด้วยปัญญา
ไม่ถือสา ปล่อยวาง

ศรัทธา

ถ้าเราจำใจอยู่เวร ค่ำคืนนี้ย่อมเป็นค่ำคืนแห่งเวรกรรม
ถ้าเราเต็มใจอยู่เวร ค่ำคืนนี้คือชีวิตชีวา แม้ว่าจะโกลาหลสักเท่าใด
ถ้าเราจำใจอ่านหนังสือสอบ นั่นคือช่วงเวลาที่บีบคั้นนับนาทีต่อนาที
ถ้าเราเต็มใจอ่านหนังสือ มันคือช่วงเวลาที่ตื่นเต้นกับการได้เรียนรู้สิ่งใหม่
รู้ซึ้งกว่าเดิม
ถ้าเราจำใจเข้าโออาร์ช่วยอาจารย์ผ่าตัด ตัดไหม suction เย็บแผล ก็ดูหงุดหงิด อึดอัด ขัดใจไปทั้งชั่วโมงที่ดูแสนจะยาวนาน
ถ้าเราเต็มใจเข้าโออาร์ช่วยอาจารย์ผ่าตัด ย่อมตื่นตาตื่นใจไปกับเทคนิค ซึมซับทักษะโดยไม่รู้สึกตัว ปีติใจในการมีส่วนร่วม
ถ้าเราจำใจเข้า conference นับเป็นภาระที่น่าเวทนา ต้องถ่างตา น้ำตาคลอ
รอ take home message
ถ้าเราเต็มใจเข้า conference ช่างโชคดีที่มีผู้ simplify ให้แตกฉาน มันช่างน่าสนใจอะไรปานนั้น
ถ้าเราจำใจออกโอพีดี คนไข้ไม่กี่คนก็ดูมากมาย ตรวจไปบ่นไป ไม่มีคุณภาพรักษาผิด ๆ ถูก ๆ คนไข้พลอยซวย ผู้ช่วยแลกเวรหนี
ถ้าเราเต็มใจออกโอพีดี นี่คือเวลาที่เรารอคอย ที่ร่ำเรียนมาก็เพื่อวันนี้ วันที่ไปรับความรู้สึกดีที่คนไข้ต่างพากันมามอบให้
จำใจคือการใช้กรรม เต็มใจคือการใช้ชีวิต ความจำใจและเต็มใจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผลงานต่างกันได้ราวฟ้าดิน
การทำงานคือภาระหรือชีวิตชีวา อยู่ที่ว่าจำใจหรือเต็มใจ อันคือทางเลือกของชีวิตที่มีสิทธิ์เลือก
ทุกความสำเร็จในชีวิต ล้วนมีศรัทธาหรือความเต็มใจอยู่เบื้องหลัง

สิทธิ์แห่งการเป็นผู้ให้

แม้นมิเป็น เช่นสูรย์แสง อันแรงกล้า
ส่องนภา สุกสกาว พราวสดใส
ก็ขอเป็น เช่นเพียง ตะเกียงไฟ
ส่องทางให้ หัวใจ ใครสักคน

Read More

Happy New Year 2022

สวัสดีปีใหม่ 2565
Happy New Year 2022

ส.ค.ส. 2565

พร ธรรม กำลังใจ

ขอให้ประสบความสำเร็จ
ในทุกความปรารถนาที่ดีงาม
Happpy New Year 2022

ปีแห่งการรู้เขารู้เรา

ปีแห่งการก้าวข้ามความขัดแย้ง

ในยุคที่มากด้วยความคิดขัดแย้ง บางคนเคืองแค้นคนเห็นต่าง เหน็ดเหนื่อยกับการพยายามให้คนเห็นตาม หยามความคิดอื่น นับวันยิ่งเจ็บที่เห็นคนคิดต่าง ไล่ล่าบูลลี่ ตามไปเม้นต์ด้อยค่าให้สะใจ แค่ได้ยิน ได้อ่านการชื่นชมถึงคนคนละขั้ว ก็ทิ่มตำใจทุกทีที่ได้ฟัง ทุกครั้งที่อ่าน เสพแต่แนวคิดเข้าข้าง เสวนาแต่กับคนเห็นด้วย ใช้สื่อโซเชียลกักกันตนไว้ในกลุ่มคนคิดคล้าย ในไซเบอร์โลกกว้างใหญ่ คล้ายกับหลบซ่อนอยู่ในกะลาออนไลน์ ใครเลยจะรู้ว่า ทุกโพสต์ที่หยามให้เขาเจ็บ ต้องเจ็บเองทุกครั้งไป เพราะร้อนทนไม่ไหว ทำใจไม่ได้ จึงร้ายจนต้องระบายบูลลี่ เกาะกัดคนเห็นต่างอย่างทุ่มเท… ให้เวลา มากกว่ากับคนที่รักและห่วงใย นานวัน มันอาจขยายตัวเป็นสงคราม จากการยึดความเห็นตนเป็นสำคัญทำ ให้วัยรุ่นยกพวกตีกัน นักการเมืองห้ำหั่นกันแบบไม่เคยเห็นข้อดีของอีกฝ่าย หากเฝ้าสังเกตพลังลึกลับที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมของเราสักครั้ง อาจพบว่ามันไม่ใช่เพื่อประชาชนที่ชอบเผลอตนอวดอ้าง อาการยึดมั่นแบบเอาเป็นเอาตายนี้ อาจเติบโตมาจากจุดเล็ก ๆ ของการสำคัญตน ที่หาคนยอมรับ เพื่อการเป็น somebody ในสายตาใคร ๆ แค่นั้น ก็เป็นได้ ปีใหม่… คิดใหม่ไหม เหนื่อยแล้วไหม พักใจ หาเวลาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวในใจตนเองบ้าง เหนื่อยไหม ฉลาดหรือ กับการพยายามให้คนทั้งโลกยอมรับความเห็นตนเอง เชื่อไหม การคิดหาคำตอบว่าทำไมเขาไม่เห็นเหมือนเรา ดีกว่าบังคับให้เขาเห็นตามเรา นี่คือจุดเริ่มต้นของแสงสว่างของการเข้าใจเขา-เข้าใจเรา รู้เขา-รู้เรา และใจเขา-ใจเรา

รู้ทัน

เดี๋ยวจะมีใครสักคน
ทำอะไรไม่ถูกใจเรา
หรือใครมาเกรี้ยวกราดใส่
เตรียมใจล่วงหน้า เป็นอาจิณ
มีสติปัญญาในการรับมือจนชินเป็นนิสัย
ยังคงสุขสงบ กระทบโดยไม่กระเทือน
เปล่าประโยชน์ ที่จะไปโกรธ ไปเกลียด
ดั่ง.. เสียงเห่าหอนของสุนัข
ชาติพยัคฆ์ย่อมไม่หวั่นไหว

ปีนี้.. คิดดี ๆ พูด ดี ๆ โพสต์ดี ๆ

ไม่โพสต์ให้ใครเสียใจ
ไม่โพสต์ให้ใครเสียหาย
ไม่โพสต์ให้ใครเสียหน้า
ไม่โพสต์ให้ใครเสียความรู้สึก
ดูแลใจให้ดี ทุกคำพูด คำโพสต์ร้าย ๆ
ย่อมจากความคิดร้าย ๆ ที่คุมไว้ไม่ทัน
หยุดใช้ “ความคิด” ทำร้ายตัวเอง
(คิดไม่ดี สิ่งไม่ดีจะตามมามากมาย
ใครเลยจะทำร้ายเราได้รุนแรง
เท่ากับความคิดของเราเอง จริงไหม)

อนัตตา ปล่อยวาง

สรรพสิ่ง แค่หยิบยืมใช้ชั่วคราว
อย่าได้ยึดมั่น ถือมั่น มันไม่ใช่ของเราจริง
แค่สมมุติให้เป็นเจ้าของในบางเวลา
เกิดมาเพื่อใช้ชีวิต แต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครอง
โลกมีไว้ให้เหยียบ …ไม่ได้มีไว้ให้แบก
อย่าเสียเวลากับสิ่งที่จากไป
จงใส่ใจกับสิ่งที่มีอยู่
ชีวิตที่ผ่านมาคือครู ที่เหลืออยู่คือโอกาส

ขอให้รวย

หลายสิ่ง.. เรามิได้มี
แต่ความไม่มี
ไม่ได้เป็นทุกข์เท่าความอยากมี
มีน้อย แต่พอใจก็ร่ำรวย และแบ่งปัน
มีมาก แต่อยากมีอีก.. ก็ยากจน ข้นแค้น
ความโลภ คือความยากจนที่สุดแสนสาหัส

ทำนายได้ว่าปีหน้านี้

จะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายเรื่อง
จะมีโชคดีในบางเรื่อง
จะมีโชคร้ายในบางวัน
แต่ชีวิตจะประสบความสำเร็จ
เพราะความโชคดี เป็นต้นทุนให้คุณเผื่อแผ่
ความโชคร้าย ให้โอกาสแห่งการพัฒนา
ชีวิตย่อมมีทั้งความสงบและคลื่นลม
เรือใบในกลางทะเล… ไหนเลยจะหลบลี้หนีมรสุม
แต่เราก็ยังสามารถปรับใบเรือได้
ด้วยสติและปัญญา

เคล็ดลับยิ่งใหญ่ ที่ต้องคิดให้ออก

(ไม่เกี่ยวกับเรียนสูงแค่ไหน)
เราอาจไม่สามารถร้องขอให้ใคร ๆ
ให้คิดดี พูดดี ทำดี กับเรา
แต่เราสามารถฝึกฝนตนเอง
ให้คิดดี พูดดี และทำดี กับใคร ๆ”
———————————————————
ปล. นี่เป็นความคิดอันยิ่งใหญ่ และหลักแหลมยิ่งนัก
แต่บางคนอาจไม่ทราบ และคิดไม่ออก

พระราชดำรัส ในหลวง

เรื่องด่วน พูดให้ช้า ๆ
เรื่องใหญ่ พูดให้ชัด ๆ
เรื่องเล็ก พูดให้มีอารมณ์ขัน
เรื่องไม่มั่นใจ ทบทวนให้ดีค่อยพูด
เรื่องยังไม่เกิด อย่าพูดส่งเดช
เรื่องที่ทำไม่ได้ อย่าพูดอย่างมักง่าย
เรื่องให้ร้าย อย่าได้พูด
เรื่องลำบากใจ มุ่งที่เรื่อง ไม่มุ่งที่คน
เรื่องสนุก ต้องดูกาลเทศะ
เรื่องเศร้า อย่าได้ เจอใครก็พูด
เรื่องคนอื่น พูดอย่างระมัดระวัง
เรื่องตนเอง ตั้งใจฟังใจเราพูด ว่าอย่างไร
เรื่องปัจจุบัน ทำแล้วค่อยพูด
เรื่องอนาคต ไว้พูดในอนาคต

ขอให้อยู่ดีมีใจ

รีพอร์ต เก็บไว้ก่อน
โปรโพสซอล รอหน่อย
งานพรีเซ้นท์ค่อย เป็นค่อย ไป
ทุกการงาน..ยืดไปจนถึงเส้นตาย
งานเยอะจริง ๆ ไม่มีเวลาเลย
อ๊ะ อีกปีแล้วหรือนี่
นั่งไตร่ตรอง คิดอีกที จึงรู้ว่า
สิ่งที่ไม่มี ไม่ใช่เวลา แต่คือแรงบันดาลใจ
เรามีเวลาเสมอ  สำหรับสิ่งที่เรามีใจ
—————————————————–
ปล. คนทั่วไปแสวงหาเงินและอำนาจ คนฉลาดแสวงหาแรงบันดาลใจ

Read More

แพทย์กับความพอเพียง

แพทย์กับความพอเพียง

ศ.นพ.ธีระ ทองสง


คำจำกัดความเบื้องต้น

ความสันโดษเป็นทรัพย์อย่างยิ่ง (สันตุฏฐี ปรมัง ธนัง) เมื่อมนุษย์รู้สึกยินดีในสิ่งที่ตนมี รู้สึกเพียงพอ ย่อมรู้สึกร่ำรวย รู้สึกอยากแบ่งปัน ในที่นี้ความร่ำรวยยากจนมิได้อยู่ที่มีทรัพย์เท่าใด แต่อยู่ที่เพียงพอหรือไม่ รวยอยู่ที่รู้สึกว่าพอ ไม่รู้สึกพอก็ย่อมรู้สึกยากจน รู้สึกเพียงพอก็รู้สึกเผื่อแผ่ โดยไม่ต้องมีอะไรมากมาย ชีวิตที่เหลือย่อมอยากเอื้ออาทร ความเป็นผู้มีเงินน้อยอาจนับเป็นความโชคร้ายประการหนึ่ง ความด้อยในหน้าที่การงานก็อาจนับเป็นความโชคร้ายอีกประการหนึ่ง แต่… ความโลภหรือปรารถนาอย่างไม่มีขอบเขต นับเป็นความโชคร้ายที่แท้จริงของชีวิต เป็นความยากจนที่แสนสาหัส

โชคดีที่เกิดมาเป็นหมอ

ยอดเงินในบัญชี หรือการเป็นเจ้าของกิจการ การถูกจัดลำดับให้เป็นเศรษฐี มิได้บอกถึงความร่ำรวยแต่ประการใด หากเรามีร้อยล้าน แต่รู้สึกขาดอยู่อีก 10 ล้าน ชีวิตก็ยังลำบาก หากเรามีแค่ปัจจัยสี่ที่พอมีพอกิน ไม่มีหนี้สิน แต่ใจมันพอ เราก็รวยแล้ว และสามารถหาความสุขจากการทำประโยชน์บนโลกนี้ได้อย่างมากมาย ลองคิดให้ลึกซึ้งอีกนิด หมอเรารวยแล้วทุกคน โดยไม่ต้องแสวงหารายได้พิเศษใดๆ เพราะหากวันนี้ พอมีพอกิน ชีวิตเราดีกว่า 550 ล้านคน เพียงแค่มีปัจจัยดำรงชีพ เรารวยกว่า 75% ของคนบนโลกนี้แล้ว ถ้ามีเงินสะสมบ้าง ถือว่าติดใน 10% ของคนร่ำรวยในโลก ถ้ายิ้มได้ในการใช้ชีวิตอย่างธรรมดา ถือว่าโชคดีมากแล้ว เพราะคนจำนวนมากตรากตรำทำงานไม่มีโอกาสเชิดหน้าขึ้นมายิ้มให้ใคร คนที่มีสินทรัพย์นับพันล้านให้คนอิจฉานั้นมีน้อยกว่า 0.001% ของคนบนโลก ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่มีน้อย แต่อยู่ที่รู้สึกขาดแคลน ซึ่งเป็นความรู้สึกยากจนที่แท้จริง แต่คนส่วนใหญ่…เจ็บใจในสิ่งที่ตนขาด คนฉลาดสุขใจในสิ่งที่ตนมี

เหนื่อยล้าไหมในลู่กรีฑาชีวิตที่ต้องยื้อแย่งแข่งขัน ความฝันอาจเลือนราง อุดมการณ์อ่อนแรง วันนี้อยากเชิญชวนให้กลับมานั่งหน้าลานพระรูปพระบิดาเช่นวันที่เราถ่ายรูปตอบเรียนจบ ท่านยังคงตระหง่านโดดเด่นเป็นกำลังใจให้ใฝ่ดี มิใยที่ใครบางคนจะเย่อหยิ่ง หลงระเริงไปกับสีสันแห่งเงินและอำนาจ ใช้โอกาสที่พระบิดาประทานมาไปแสวงหาอย่างผิดจารีต จึงขออัญเชิญพระราชดำรัสสมเด็จพระราชบิดา “อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีไม่ร่ำรวย แต่ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวยควรเป็นอาชีพอย่างอื่นที่ไม่ใช่แพทย์ อาชีพแพทย์ต้องยึดอุดมคติ คือเมตตา กรุณา” หมอทุกคนรวยแล้วครับ ชีวิตที่เหลือเพื่อผู้อื่น ผมเชื่อว่าสาระสำคัญที่สุดของพระราชดำรัสนี้เพื่อเตือนเราว่า ชีวิตหมอต้องอยู่เพื่อให้…มิใช่เพื่อครอบครอง ย่อมเป็นการย้ำว่า เป้าหมายของการศึกษาคือการสร้างแรงบันดาลใจให้เราใฝ่ฝันถึงชีวิตที่มีค่ามากกว่าชีวิตที่มีเงิน แล้วความใฝ่ฝันจะกำหนดการกระทำหรือวิถีชีวิตของเขาเอง มหาวิทยาลัยจะต้องปลุกเร้าให้นักศึกษาฝันใฝ่ถึงชีวิตที่ เก่ง ดี และมีสุข ต้องเก่งเพื่อมีศักยภาพในการเกื้อกูล ต้องดีเพื่อชีวิตมีค่าและไม่หลงทาง ต้องมีสุขเพราะคือจุดหมายของการมีชีวิต จริงอยู่…อาชีพหมอ ตำแหน่งบริหาร ผลงานวิชาการ เงินและอำนาจ โอกาสที่เหนือกว่า อาจทำให้เรารู้ว่าจะมีชีวิตรอดในโลกวันนี้ได้อย่างไร แต่โอกาสแห่งความดี ความรัก ความเสียสละของหมอเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้รู้ว่า… เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

ขอให้ชีวิตมีคุณค่า: วาสนาเราอาจไม่เท่ากัน โอกาสแห่งความได้เปรียบแตกต่างกัน แต่โอกาสการทำสิ่งดีๆ ไม่ต่างกันมากนัก การสร้างสรรค์สิ่งดีงาม มิได้ต้องการความอลังการ หรือรูปแบบที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เราพอจะช่วยเหลืออะไรใครได้บ้าง ยิ้มให้กับใครสักคน พยายามวินิจฉัยโรคถูกต้อง ดิสคัสให้ข้อคิดกับใครสักคน ทำอะไรเพื่อใครบ้าง มันจึงไม่สำคัญหรอกว่าเรียนสูงแค่ไหน ตำแหน่งวิชาการอะไร ทำวิจัยมากี่เรื่อง เป็นผู้บริหารระดับสูงแค่ไหน รายได้ดีเพียงใด เก่งกาจขนาดไหน มันอยู่ที่ทำให้ใคร..เบิกบานใจได้บ้าง คุณค่าของความเป็นคน มิได้ขึ้นอยู่กับว่าเขามีอะไร แต่อยู่ที่เขาทำอะไร และอย่างไร

ความฝันของวันเก่าๆ

อยากย้อนวันวาน ถึงเหตุการณ์วันเก่าๆ ที่เราย่างเท้าก้าวมาสู่มาวงการ คำขวัญสร้างไฟของวัยช่างฝัน คือพระราชดำรัสที่ติดอยู่ตามตึกเรียน “I don’t want you to be only a doctor, but I also want you to be a man” นานวัน ความฝันและอุดมการณ์อาจเลือนลาง หลายปีมานี้เรามีอะไรมากมายขึ้นมาในชีวิต แต่ความสุขในการเป็นแพทย์อาจเจือจางลง ความหมายของหมอเปลี่ยนไป จากศาสตร์แห่งความกรุณากลายเป็นในวิชาทำมาหากิน จิตใจของเราอาจฝันถึงชีวิตอลังการ มากกว่าชีวิตที่มีคุณค่า ไม่ง่ายเลยสำหรับโลกวันนี้ที่เราจะอยู่อย่างไม่ถูกโปรแกรมให้เป็นคนขาดแคลน ความใฝ่ฝันเปลี่ยนไป ต้องรับผิดชอบกับ perfect image เอาใจแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ๆ ไอโฟนเท็นที่เพิ่งออกมา แม็คบุ๊คตัวเก่งที่เคยใช้ก็ดูจะเก่าไปโดยเร็ว เราเกิดมาเพื่อวิ่งไล่ไขว่คว้าหากรรมสิทธิ์อย่างไม่มีทีท่าจะจบสิ้น อาจถึงเวลาที่เราต้องมาทบทวนรื้อฟื้นและค้นหาความสุขที่สูญหายไป ขอทบทวนอีกสักประโยคหนึ่ง “มาช่วยฉันทำงานนั้น ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากความสุขร่วมกัน ที่จะได้ทำงานเพื่อผู้อื่น” นี่คือพระราชดำรัสที่ทรงปรารภแก่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในวันที่เข้าเฝ้าถวายงานครั้งแรกเมื่อปี 2524 ง่ายๆ สั้นๆ พร้อมกับตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดจากชีวิตพระองค์เอง ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มิได้อยู่ที่มีอะไรมากที่สุด แต่อยู่ที่เสียสละได้มากที่สุด และมีความสุขที่สุด ชัดไหม !!! อยู่เพื่อตน..อยู่แค่ตนสิ้นใจ อยู่เพื่อคนทั่วไป…อยู่ชั่วฟ้าดิน

ลองทบทวนถึงวันคืนเก่า ๆ วันที่เรายังเป็นหมอเด็กๆ เดินราวด์กันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ตื่นตาตื่นใจกับการผ่าตัดของอาจารย์ ลุ้นการ stop bleed ของพี่เด้นท์อย่างใจหายใจคว่ำ จิตใจฮึกเหิมว่าสักวันเราจะเก่งเช่นนั้น แล้วทำให้ใครๆ หายเจ็บ การมีส่วนร่วมเพื่อการยิ้มได้ของคนไข้สักคน ช่างรู้สึกว่าเรามีคุณค่า ไม่ต้องมีใครปรบมือ ไม่ต้องมีใครคอมเมนต์ ซักประวัติคนไข้ด้วยใจแม้ไม่เป็นระบบ ฝันถึงคุณค่าแห่งวิชาชีพตามที่พระบิดาย้ำไว้ ที่มิใช่เกียรติยศ หรือค่าตอบแทนใดๆ แต่อยู่ที่มันก่อให้เกิดความสุขแก่คนที่เราไม่เคยรู้จัก มีคุณค่าโดยที่ไม่ต้องมีใครรับรู้ แต่ปีติใจในการช่วยเหลือ คงมีสักครั้งหนึ่งจริงไหม ที่หวนระลึกไปถึงจิตใจที่งดงามในความหลัง เมื่อครั้งยังเป็นหมอวัยเยาว์ อยากย้อนเวลากลับไปหาผู้ป่วยรายเดิมที่เราตัด ureter เพราะด้อยประสบการณ์ ซึมเศร้าแสนสาหัส อยากแก้ไขวันนั้นด้วยศักยภาพวันนี้ เราเคยนั่งเฝ้า attend คลอดแก่สตรีที่มิใช่ญาติมิตรได้อย่างสนิทใจ ฟัง fetal heart sound อย่างห่วงใยกังวลต่อลูกของคนแปลกหน้า อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย จับชีพจร วัดบีพีด้วยความเต็มใจ ปานประหนึ่งญาติเรา อย่างจริงใจ สุขใจ ทุ่มเท ไม่ยอมเสียเวลาแห่งความใส่ใจ.. ไปคลั่งไคล้กับการโพสต์เฟสเล่นไลน์ ใช่เลยครับ วันนั้นเราฝันถึงชีวิตที่มีค่า.. มากกว่าชีวิตที่มีเงิน จำได้ไหมว่าเมื่อในก้าวแรกๆ ของชีวิตหมอ เราหวังไว้ว่าเราจะสุขใจกับงานล้ำค่านี้ นี่คืองานสุดที่รัก นี่คืองานที่เราชอบ การได้ทำงานที่เราชอบ คือการพักผ่อนไปทั้งชีวิต เราจึงทำเพื่อสิ่งที่ยิ่งกว่าเงินเดือน เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ สร้างคุณค่าให้เกินกว่าที่ใครคาดหวัง แน่นอนละครับนี่คงเป็นวิชาเลี้ยงชีพของเราด้วยก็จริง แต่ที่จริงกว่านี้นี่คือชีวิตของเรา ที่เรารู้สึกดีทุกครั้งที่มีส่วนให้ใครต่อใครยิ้มได้ เขาเป็นสุขเราเป็นสุข นั่นคือประจักษ์พยานที่ว่า มีความสุขความดีมากมายที่เราเก็บเกี่ยวได้โดยไม่ต้องใช้เงินทอง นานวันมาแล้วใช่ไหมที่เราไม่ได้หาเวลามานั่งทบทวนถามถึงสิ่งที่ชีวิตไขว่คว้าแสวงหาว่าคืออะไร ในเมื่อสังคมได้ให้โอกาสแห่งการเป็นผู้ให้ และโอกาสแห่งการเป็นผู้รับ (ตามช่องทางโอกาสของชนชั้นผู้ได้เปรียบในสังคมนี้) โอกาสเป็นของเรา ถ้าเราจะเอา เราก็เอาได้มากมายอย่างไม่มีวันอิ่ม ถ้าเราจะให้ เราก็ให้ได้มากมายอย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่อัจฉริยะทั้งหลาย เลือกที่จะให้มากกว่าที่จะเอา

ร่ำหามาชั่วชีวิต

วอร์เรน บัพเฟตต์ (Warren Buffet) มหาเศรษฐีโลก เก็บเงินสะสมจากการส่งหนังสือพิมพ์ ซื้อไร่เล็กๆ ตอนอายุ 14 ปี ยังคงอยู่บ้านเล็กๆ 3 ห้องนอนที่ซื้อไว้เมื่อ 50 ปีก่อน เขารู้สึกว่าบ้านนี้มีพร้อมแล้ว ทั้งที่แม้แต่รั้วก็ไม่มี ไปไหนมาไหนเอง.. ไม่มีคนคุ้มกัน ไม่เคยใช้เครื่องบินส่วนตัว ทั้งที่เป็นเจ้าของบริษัทเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาไม่ใช้โทรศัทท์มือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน แต่บริจาคเงินการกุศลกว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ชีวิตเขาวันนี้ มีแล้วให้ ได้แล้วแบ่ง ลองคิดดูใหม่ ถ้าผมเป็นมหาเศรษฐี (เคยเป็นนายก) ถึงผมอาจผิดพลาดในอดีต.. จนต้องระเหเร่ร่อนในต่างแดน ผมจะกว้านซื้อโอกาสให้คนซื่อสัตย์มาบริหารประเทศ ผมจะไม่ยอมให้โอกาสแก่คนคดโกง เงินทองเหลือเฟือผมจะนำไปสนับสนุนโครงการมากมายในพระราชดำริ ผมจะขอใช้เงินอย่างเป็นสุข ด้วยการซื้อแสนโรงเรียนให้เด็กฉลาด มอบหมื่นโรงพยาบาลให้ผู้คนแข็งแรง พลิกผืนป่าเป็นเขียวทั้งแผ่นดิน โอกาสเช่นนี้มีไม่กี่คนบนโลก และโชคจะเป็นของคนคิดได้ เพราะตำนานจดจารึกเฉพาะคุณงาม โลกนี้มีแต่คนอยากสร้างอนุสาวรีย์คนดี ไม่ใช่อนุสาวรีย์คนรวย ผมอาจจบชีวิตอย่างสันโดษในแดนไกลในบ้านหลังเท่ากุฏิเล็กๆ ที่ไม่มีใครจดจำ แต่ความปีติและสุขใจ… ใครๆ ไม่จำเป็นต้องรับรู้ก็ได้ การใช้ชีวิตมันอยู่ที่คิดได้สักเพียงใด จริงเลยใช่ไหมว่า ความสุขสร้างได้ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยเงิน

ชีวิตคนเราสั้น เราไม่มีวันได้ครอบครองสิ่งใดได้จริง เป็นเพียงสมมุติชั่วคราว ช้าเร็ว เราก็ต้องทิ้งแล้วจากกันไป เราเพียงแค่หยิบยืมใช้ชั่วคราวเท่านั้น อีกไม่กี่วันก็ต้องคืนผืนดิน แม้ชีวิตเราเองที่ชอบคิดว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่นานเลย ข้าวของหรือแม้แต่ชีวิตที่หลงผิดว่าเป็นของเราจริง ถ้าใจเราลุ่มหลงหวงแหน แล้วเราก็อยู่อย่างหวาดหวั่นรอวันพลัดพราก ก่อนจากไปด้วยใจเจ็บๆ ทั้งที่จริงแล้ว เราจะไม่มีวันสูญเสียในสิ่งที่เราไม่ได้ครอบครอง ลาภ ยศ จะหมดความหมายเมื่อใจไม่ปรารถนา ดังนั้นความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่มีมากแค่ไหน ตำแหน่งอันใด มีผลงานตีพิมพ์หรือไม่ แต่อยู่ที่ใจ.. รู้สึกพอหรือไม่ ความสำเร็จ มิใช่การได้เป็นซุปเปอร์สตาร์หน้าเว็บ มิใช่บิ๊กในวงการ มิใช่การครอบครองอัครสถานดุจเพียงเวียงวัง เปล่าเลย… ผู้ประสบความสำเร็จ คือคนธรรมดาที่ไม่ทุกข์ใจ นี่คือความสำเร็จที่แท้จริง ความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่เรามี..แต่อยู่ที่เราพอ อยู่ที่มีสุขอย่างเรียบง่าย สบายใจ ไม่มีคำพูดของใคร การยั่วยวนของผู้ใด โฆษณาชิ้นไหน ทำให้ใจไหวหวั่นได้ แค่นี้แหละ นี่คือความสำเร็จที่แท้จริง เพราะความพอ คือสิ่งที่ใจส่วนลึกของเราต่างวิ่งไล่ไขว่คว้าแสวงหากันมาชั่วชีวิต

วิชาเศรษฐศาสตร์ 101

เหนื่อยไหมกับการที่เราต้องวิ่งไล่ไขว่คว้า แสวงหาสิ่งที่เราคิดว่าจะเป็นสื่อนำมาซึ่งความสุข แต่แล้วมันก็แค่นั้นเอง แล้วต้องไขว่คว้าหาสิ่งที่ยิ่งกว่าเดิม เติมไม่เคยเต็ม มองไปรอบตัว… บ่อยครั้งมากที่เราได้เห็นความทุกข์ของซุปตาร์ ความรุ่มร้อนของคนมีฐานะ เจ็บใจง่ายๆ เพียงรถถูกปาดหน้า โมโหเจ็บๆ เพียงคอมเม้นต์ไม่ถูกใจ ถูกไหมครับกับข้อคิดที่ว่า คนมีเงินในบัญชีธนาคารมากที่สุด ไม่ได้แปลว่ามีความสุขที่สุด น่าคิดไหมว่าบางคนกว่าจะมีความสุขใจได้…ต้องมีล้านไลค์ มีใครปรบมือ ต้องอลังการ มีบ้านหลังแพง ตำแหน่งสูงส่ง เป็นเจ้าของกิจการ เจ้าสัวผู้ล่ำซำ บิ๊กที่มากอิทธิพล นักการเมืองที่เลื่องลือ แต่อัจฉริยะทั้งหลายบนโลกนี้ สุขใจได้โดยไม่มีอะไรเลย เศรษฐศาสตร์ง่ายๆ กว่าที่ใครคนหนึ่งมีความสุขได้สักหนึ่ง happy unit (คิดเอง) ต้องมีบ้านหลังโต รถหรู พร้อมบริวาร กับอีกคนเต็มใจทำประโยชน์อยู่ที่ห่างไกล หมอน้อยคนไข้มาก มีความสุขกับการเกื้อกูลจนเกินตัว… ใครฉลาดกว่ากัน ใครมีชีวิตที่มีกำไร ผมได้เห็นชีวิตคุณหมอบางท่าน ทุ่มเทให้กับผู้ป่วยในที่ห่างไกลอย่างไม่เลือกหน้า ไม่มีดอกเตอร์ฟีสักบาทหนึ่ง แต่ท่านก็รู้สึกว่าพอใจกับบ้านพักในโรงพยาบาล มิได้มีคอนโดหรูกว่าสิบล้าน มีความสุขมากมาย (หลายยูนิต) ได้เกิดขึ้นกับตนและคนรอบกาย คนไข้ยิ้มออก ทุกเช้าตื่นขึ้นมาถามหาความอยู่ดีมีสุขของคนรอบโรงพยาบาล (ความสุขมิได้เกิดในคฤหาสน์ร้อยล้าน อาจเพียงห้องโอพีดีเก่าๆ ของหมอที่มีใจอยู่ที่ตรงนั้น)

มนุษย์เราถูกโปรแกรมให้รู้สึกขาดแคลนได้ง่าย ไม่รู้สึกพอใจในสิ่งที่เป็น ทุ่มเทเพื่อเปลี่ยนหน้าเป็นเกาหลี เราแทบจะไม่รู้เลยว่าเราถูกกระทำให้อยาก ให้ยากจน ตั้งแต่วินาทีไหน ตอนเช้ายังสงบสุข ตอนบ่ายแค่กระทบผ่านโฆษณารถรุ่นใหม่ ใจก็กระพือให้อยู่ไม่สุข ดูเหมือนว่าชีวิตเราๆ มีหน้าที่คอยปฏิบัติตามความเรียกร้องที่บงการออกมาอย่างลึกลับจากใจลึกๆ ที่แทบจะไม่เคยเปิดเผยมันออกมาค้นหา มนุษย์ต้องเหนื่อยยากกับการแสวงหา supply อย่างทุ่มเท แต่แทบจะไม่เคยคิดกำจัด demand ตัวการสำคัญที่บีบคั้นให้เราดิ้นรนไปชั่วชีวิต แล้วเมื่อไรจะสงบลงสักที ในการบริหารชีวิต (แม้จะคิดว่าตนฉลาด) ก็ยังคงเป็นวิถีเดิมๆ วิ่งไล่ไขว่คว้าหาสิ่งที่ถูกทำให้ฝัน ได้มาแล้วสักครู่ยามก็หายตื่นเต้น ความหวือหวาจบลง ความหวังใหม่ผุดขึ้นมาตอนไหนไม่เคยรู้ทัน เกิดมาชาตินี้มีหน้าที่วิ่งไล่ตามความอยากกันไปทั้งชาติหรือ มากครั้งเหลือเกินที่เราได้สัมผัสถึงความยากจนของคนมีเงินหมื่นล้าน มนุษย์เรามักจะถูกโปรแกรมให้อยู่ไม่สุข เกิดการรับรู้แล้วใจไม่สงบ เสพย์ความมีคลาสที่ขาดไม่ได้ เจ็บใจกับ BMI ที่เพิ่มขึ้น เครียดเพราะขาดรถหรู ไอโฟนเท็น ขาดเรื่อยไปจนแม้เพียงครีมบำรุงผิวกระชับรูขุมขน อยู่เวรหาเงินไปฉีดโบทอกซ์ เราต้องเหนื่อยยากกับการวิ่งตอบสนองหลังการถูกโปรแกรม กว่าจะมีความสุขนี้ก็ต้องลงทุนไขว่คว้าแสวงหาสื่อที่คาดว่าจะนำมาซึ่งความสุข แทนที่จะแสวงหาความสุขโดยตรง ทั้งที่ความสุขแสวงหาได้ง่าย แค่ใช้ปัญญาพื้นฐานในการเข้าใจชีวิตกับสติที่ฝึกมาดีแล้ว เพื่อนำไปสู่ความรู้สึกพอใจในสิ่งที่ตนมีตนเป็น ชีวิตควรดำเนินไปตามสติปัญญา มากกว่าตามสัญชาติญาณ วิวัฒนาการมาถึงโลกยุคดิจิตอล แต่ความสุขของเรา ไทยแลนด์สี่จุดศูนย์ ต่างจากศูนย์จุดสี่จริงหรือ เราก้าวมาไกลในการพัฒนาเทคโนโลยีซื้อความสะดวกสบาย แต่ไม่ใช่ความสุข เพราะความพอยิ่งห่างไกลออกไป ถูกต้องไหมกับการวิ่งหา supply โดยไม่เคยมีการควบคุม demand

อยู่เวรให้เป็นสุข ออกโอพีดีให้มีใจ

ความรู้สึกไม่พอ เป็นบ่อเกิดของความไม่เต็มใจในงานที่ไม่ได้เงิน ทำให้อยู่ยาก ไม่เป็นสุขกับหน้าที่ที่ค่าตอบแทนต่ำกว่า แน่นอนเลยว่า เงินทองได้เข้ามาลดศักดิ์ศรีของความเป็นแพทย์ลงอย่างน่าใจหาย ความปีติใจในความเป็นแพทย์ก็สูญหาย ชีวิตแพทย์ที่ควรอยู่อย่างผู้ให้ กลายเป็นผู้ขอ (อย่างมีเกียรติ) เราต้องแข่งขันกับนักธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หัวใจบริการก็สิ้นแรง ความไม่เพียงพอเป็นบ่อเกิดแห่งความจำใจบริการในผู้ป่วยสามัญ เมื่อปราศจากความเต็มใจเสียแล้ว คุณภาพงานก็ตกต่ำ ลองคิดดูซิว่า การจำใจอยู่เวรเป็นความเจ็บปวด แต่การเต็มใจอยู่เวร….มันคือชีวิตชีวา คือคุณค่าของคน หากใจเราไม่มีแรงเงินกำกับ การอยู่เวรย่อมคือโอกาสสร้างสิ่งดีๆ ที่ได้ทำให้ผู้ป่วยสักคนสุขใจในเวรเรา เป็นสิทธิ์จำเพาะที่จะทำให้คนไข้ประทับใจ ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์นี้ เราจะทำให้คนไข้สุขใจ ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไร พยากรณ์แย่แค่ไหน อย่างน้อยเราคนหนึ่งที่จะทำให้เขามีกำลังใจ และรู้สึกดีในวันนี้ เราต้องอยู่เพื่อสิ่งที่ยิ่งกว่าเงินเดือน ดีให้เกินกว่าที่ใครคาดคิด ชีวิตจะมีความสุขและมีค่าแบบเหลือเชื่อ ฉะนี้แล้วไซร้ ยังมีใจหลบไปเล่นเฟส เปิดยูทูบเอนเตอร์เทน ในเวรอีกหรือ!!! แล้วเราจะค้นหาปีติใจในการงานได้อย่างไร เมื่อหัวใจเราไม่ได้อยู่เวร คุณภาพการทำงานเริ่มต้นจากความเต็มใจหรือศรัทธาในงานเสมอ เพราะการทำงาน คือชีวิตที่มีค่า มิใช่ราคาที่เป็นเงินเดือน เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต มิใช่ใช้เงิน.. ใช่แล้วครับ ในแต่ละวัน มีคนไข้วนเวียนเข้าหามาเราเพื่อให้เราได้ใช้ชีวิต มิใช่ให้เราใช้กรรม คนไข้ทุกรายช่วยสร้างความหมายให้กับความเป็นหมอ

ในวันที่หัวใจไม่พร้อม ณ โอพีดีที่กิจการรุ่งเรือง มีคนไข้มุ่งหน้ามารอเราจากทั่วสารทิศ ด้วยแววตาแห่งความหวัง แต่โชคร้ายมันเป็นวันที่หัวใจไม่ได้ออกโอพีดี ถูกบีบคั้นด้วยงานบริหาร กิจการเชิงพาณิชย์ เคส private ใกล้จะ fully (ผ่าดีไหมหนอ) และค่าตอบแทนที่สูงผิดธรรมชาติ แต่ความรู้สึกดีงามในการให้โดยไม่หวังผลตอบแทนจะตกต่ำลง เราจะไม่เต็มใจนักกับผู้ป่วยสามัญรายต่อไป เราคงตรวจโอพีดีวันนี้อย่างไม่มีใจ สมองไม่แตกฉาน วินิจฉัยแยกโรคไม่ออก บอกพยากรณ์ผิดๆ ถูกๆ ตรวจไปบ่นไป ป่วยอะไรกันนักหนา น่าเบื่อจริงๆ ตรวจเท่าไหร่ไม่รู้จักหมด นี่เราออกโอพีดีเพื่อชดใช้กรรมหรือ ความจริงแล้ว ในวันที่ใจพร้อม นี่คือการมีชีวิตชีวา สุขใจในการค้นหา โจทย์ใหญ่ในปัญหาของผู้ป่วยที่รอสติปัญญาของเรากำลังท้าทายให้เราคิด นี่คือความสุข ที่คือโอกาส ที่เราจะต้องทุ่มเทใจ แก้ไขให้เขายิ้มได้ บางรายแค่เพียงทักทาย อธิบายก็สุขกันแล้วทั้งเขาทั้งเรา นี่คืองานยิ่งใหญ่ชัดๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจแห่งพระราชบิดา ใครต่อใครก็หวังมาหาเราเป็นที่พึ่ง แล้วรู้สึกดีกลับไป ทุกการตัดสินใจจะรอบคอบ มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาไป สุขใจกันถ้วนหน้า ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ย่อมอยู่ที่ใจศรัทธาในงาน ณ โอพีดีที่สับสน ไม่ได้อยู่ที่ยอดกดไลค์ หรือที่ห้องผู้บริหาร แต่อาจเป็นชิ้นงานเล็กๆ ของจิตใจที่ยิ่งใหญ่ แล้วจะโชคดี ได้ซึมซับสิ่งดีๆ จากโอพีดีของเรา นี่คือธรรมชาติของผู้มีบุญ ดั่งที่ในหลวงตรัสไว้ว่า “หัดทำสิ่งดีๆ ให้กับ ผู้อื่นจนเป็นนิสัยโดยไม่จำเป็นต้องให้เขารับรู้” ทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมาถามหาสิ่งดีงามให้กับคนข้างเคียง ในชีวิตคนเราจำเป็นต้องทำสิ่งดีๆ ที่ไม่ต้องมีคนรับรู้บ้าง คนไข้รายหนึ่งยินดีกลับไป ไม่จำเป็นที่เขาต้องจดจำชื่อเรา แค่เราได้ปีติใจหรือศรัทธาต่อตนเองได้ ก็พอแล้วกระมัง อยู่เวรเหนื่อยสักเพียงใด ไม่ได้นอนทั้งคืน ค้นความปีติให้เจอ ไม่จำเป็นต้องโพสต์เรียกร้องรองรับความดี หรือคอยใครคอมเมนต์เห็นใจ

ทำไมถึงต้องเพียงพอ

ความเพียงพอคือบ่อเกิดของความดีงาม และความสุขทั้งปวง ทำให้เราสุขใจในชีวิตอย่างแพทย์ (ไม่ใช่อย่างพ่อค้า) ถ้าไม่รู้จักเพียงพอ ชีวิตหมอจะต่างประการใดกับนักค้ากำไรทั่วไป ความเป็นผู้ให้ก็หายไป ก็ยากที่จะรู้จักคุณค่าของชีวิตแห่งการให้เปล่า ความพอทำให้เรามีเสรีภาพในการคิดทำอะไรดีๆ โดยไม่มีอำนาจเงินกดดัน สมองแตกฉานในการวินิจฉัยโรค มีใจค้นหาจนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้รายนี้ คิดได้มากกว่าเดิม ถ้าเป็นครูอาจารย์ก็จะสร้างองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นได้อีกมาก ใส่ใจกับลูกศิษย์มากขึ้น หากเอาเงินและอำนาจเป็นบรรทัดฐานความสำเร็จ เราจะไปสู้นักการเมือง นายทุน นักเก็งกำไรทั้งหลายได้หรือ แต่เราไม่ควรลืมเลยว่าไม่มีความดีใดที่มนุษย์ทำแล้วไม่มีความสุข แท้จริงแล้วโชคดีสักเพียงใดที่เกิดมาเป็นหมอ ได้รับโอกาสแห่งการเป็นผู้ให้ ที่น้อยคนนักจะมีโอกาสเช่นนี้ มีโอกาสสร้างความสุขแก่ตนและคนข้างเคียง มีศักยภาพในการเกื้อกูลที่ไม่รู้จบสิ้น การได้มีโอกาสทำสิ่งดีๆ คนที่รู้จักพอก็สุขใจยิ่งแล้ว สักกี่คนที่มีโอกาสสร้างความประทับใจให้คนไข้จดจำถึงชาติหน้า สักกี่คนมีโอกาสให้คนไร้ความหวังยิ้มได้ในยามจะสิ้นลม สุขแค่ไหนที่ใครสักคนฟื้นจากฝีมือซีพีอาร์ของเรา (แม้จะทุลักทุเล) รู้สึกดีไหมที่เชี่ยวชาญจริงจนช่วยให้ทารก distress ร้องลั่นได้ นักการเมืองที่ไหน เสี่ยคนใดจะมีโอกาสเช่นเรา ชั่วชีวิตเราอาจไม่สามารถมีเงินนับร้อยล้าน พันล้าน แต่เราก็สามารถสร้างชีวิตให้มีคุณค่าเกินกว่าร้อยล้าน พันล้านได้ ชีวิตที่มีคุณค่ามีความสุขเสมอ ความดีงามแม้เพียงเล็กน้อยก็ยิ่งใหญ่ นี่ใช่เอกสิทธิ์จำเพาะของเราไม่ใช่หรือ? หากเราหมกมุ่นอยู่กับกิจการแสวงหารายได้ (ด้วยโอกาสที่เหนือกว่า) ความพอจะหนีห่างออกไปแบบไม่มีวันไปถึง อาจทำให้เราสูญเสียประสบการณ์ชีวิตสวยงามไป เพราะการไม่มีใจในการใช้ศักยภาพอย่างถึงที่สุด รับใช้พระบิดาไม่เต็มที่ สมองและหัวใจไม่ถูกนำไปรักษาผู้ป่วยอย่างถึงที่สุด อาจารย์แพทย์ก็สอนไม่สุดฝีมือ คิดค้นองค์ความรู้ใหม่ไม่เต็มที่ นับว่าโชคร้าย.. ชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง เป็นครึ่งที่สวยงามกว่า ชวนให้คิดถึงบทกวีของท่าน อังคาร กัลยาณพงศ์

“อนิจจา..น่าเสียดาย; ฉันทำชีวิตหาย..ไปครึ่งหนึ่ง; ส่วนที่หายนั้น..ลึกซึ้ง; มีน้ำผึ้งบุหงา..ลดามาลย์ฯ”

Read More

How we get to this point? Part II

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ? (ภาคสอง)

ธีระ ทองสง


ภาคสอง คือเรื่องเล่าต่อจากภาคหนึ่ง ใน CCOG-2016 ในภาคหนึ่งได้มีการทบทวนความหลังของบ้านหลังนี้ ว่าเราก่อร่างสร้างบ้านมาอย่างไร บูรพาจารย์ต่างเคยทุ่มเทสักเพียงใดกว่าจะตั้งตัวเป็นภาควิชาที่มั่นคงได้ และภาคสองนี้ เป็นเรื่องเล่าว่าเราสานต่อภารกิจนี้มาอย่างไรจนกลายเป็นสูติฯล้านนาอย่างที่เรารู้จักกันในวันนี้

เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ? คำถามนี้มักจะถามในเชิงการยอมรับว่าเราต้องโดดเด่น เป็นหนึ่งในเรื่องอันใดสักเรื่องหนึ่ง แต่เกรงว่านี้จะเป็นการคุย หรือยอมรับเพื่อการอวดตัวเองไปสักหน่อย ดังนั้นก่อนเริ่มต้นจำเป็นต้องแน่ใจเสียก่อนว่าเรามีดีอะไร? ถึงต้องการเล่าให้ผู้อื่นว่ามีความเป็นมาอย่างไร ปานประหนึ่งว่านี่คือตำนานที่น่าสนใจ!!!

เรามีดีอย่างไร ถึงต้องมาทบทวนเรื่องราวของพวกเรา?

กว่าสิบกว่าปีมานี้ ทุกครั้งที่สัมภาษณ์สมัครแพทย์ประจำบ้าน จะมีบางคนหรือหลายคน พูดว่าเลือกสูติเชียงใหม่ เพราะเป็นสูติฯที่มีชื่อเสียง หรือบ้างก็บอกว่าเป็นสูติฯที่ดีที่สุด อาจารย์เอาใจใส่มาก ๆ (เราไม่ได้พูดเอง) ตั้งแต่เป็นน.ศ.พ. ก็เรียนตำราสูติฯของเชียงใหม่ ฯลฯ กล่าวได้ว่าทุกปีมีการพูดในลักษณะนี้ จะเป็นเพียงการเอาใจผู้สัมภาษณ์เพื่อขอคะแนนเห็นใจ หรือรู้สึกจริง ๆ ล้วนแต่ทำให้เราต้องกลับมามองตัวเองอยู่เสมอมา

  • ยุคหลัง ๆ นี้ใคร ๆ หลายคนก็พากันมาอีเลคทีฟที่เราปีละมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระดับนักศึกษาแพทย์ แพทย์ประจำบ้าน หรือเฟลโล่ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เด่นชัดมากในช่วงสิบปีที่ผ่านมา นี่อาจเป็นสัญญาณบอกความนิยมของคนในวงการอยู่ไม่น้อย จากสูติภูธรที่ใคร ๆ ไม่ใยดี วันนี้ต้องจองคิวล่วงหน้า ไม่ได้มากันง่าย ๆ แล้วนะ
  • หลายครั้งจากสื่อโซเชียลนศพ. เรสซิเดนท์ทางไลน์ ทางเฟส ยกให้ตำราสูติฯเชียงใหม่ เป็นเล่มแรกลำดับต้นของตำราที่ใช้ทั่วประเทศ ไม่ผิดเลยที่พูดว่าในประเทศนี้มีคนเรียนสูติ-นรีเวชส่วนมากใช้ตำราเรียนของเรา ร่วม 20 ปีแล้ว
  • เรามีผลงานวิจัยค้นคว้าจากความตั้งใจของอาจารย์อย่างมากมาย เป็นอันดับที่หนึ่งของสูติฯในประเทศไทย (อันนี้เช็คดูง่ายๆ จาก Pubmed / Scopus ยาวนานต่อเนื่องมาเป็นเวลานับกว่า 10 ปี เป็นเรื่องจริงที่เห็นเป็นรูปธรรม จนกระทั่งสกว.ประเมินแล้วให้ลงความเห็นเป็นสถาบันการศึกษาที่มีผลงานคะแนนดีเยี่ยม (ต่อเนื่องกันมา) เป็นลำดับที่หนึ่งในการประเมินมาทุกครั้งที่ผ่านมา ย่อมเป็นตัวบ่งชี้สำคัญต่อการยอมรับในวงวิชาการการพูดว่าเราคือสูติศาสตร์ที่ดีที่สุด แม้จะฟังดูน่าหมั่นไส้ แต่ก็พูดอย่างมีหลักฐานเชิงประจักษ์ อาจารย์ของเราได้รับทุนวิจัยจากองค์กรภายนอกมากมาย เป็นภาควิชาที่มีคลัสเตอร์วิจัยถึงสองคลัสเตอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการมหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ เป็นต้น ถ้าพูดถึงการนำเสนอผลงานวิชาการสูติฯ ที่ราชวิทยาลัย แล้ว ตรวจสอบจากการประชุมวิชาการประจำปีแล้ว พบว่าสูติฯเชียงใหม่เราก็มีผลงานนำเสนอมากที่สุดต่อเนื่องกันมากว่า 15 ปี เช่นกัน แสดงถึงความเป็นแหล่งวิชาการที่มั่นคง ยั่งยืนอีกหลักฐานหนึ่ง จริงไหม
  • Conference ที่หลับบ้าง ๆ ตื่นบ้าง แต่ก็ยังคงได้รับการโหวตจากแบบสอบถามของผู้ที่จบไปแล้วพูดเป็นเสียงเดียวกัน (จากแบบสอบถามผู้เรียน) ว่า morning conference เป็น conference ที่เรสซิเดนท์ได้รับประโยชน์มากที่สุด และแตกต่างจากทุกที่ จนกลายเป็นจุดเข้มแข็งโดดเด่น เป็นข่าวรับอรุณที่สร้างประสบการณ์ให้กับทุกชีวิต ซึมซับความรู้และเปลี่ยนประสบการณ์ (แม้บางท่านจะฝืนใจบ้างก็ตาม หลับตั้งแต่ morning tip) นับว่าเป็น activity ที่แตกต่างอย่างมีคุณค่า
  • ติวนอกเวลา เป็นทางเลือกที่แตกต่างยิ่งกว่า ส่วนมากต่างรู้สึกว่านี่เป็นทางเลือกที่ช่วยสร้างบรรยากาศวิชาการให้เข้มข้น ที่ทุกคนเลือกได้ ความหมายที่สำคัญที่สุดมิใช่ความรู้ที่ได้รับในแต่ละวัน แต่การสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมิอาจนิ่งเฉยต่อวิชาการ เป็นจุดเอื้อต่อการเป็นสังคมครอบครัวใหญ่ของเรา เป็นจุดกำเนิดของความเป็นครอบครัวใหญ่มาหลาย generation ต่างจากชีวิตสูติฯ ที่อื่นๆ หรือภาควิชาอื่น ๆ ที่วัน ๆ ทำงานหนักเหนื่อยแล้วแยกย้ายกันไป แต่เราต้องได้พบปะพูดคุยกันทั้งก่อนและหลังติว จึงเป็นสูติฯใกล้ชิดที่ไม่อาจมีใครเหมือน เป็น option เสริมยามค่ำคืนที่ได้รับความนิยมสูง
  • คุณูปการทางวิชาการ แม้จะเป็นภาควิชาโลโซ เรียบง่าย แต่เราก็มีผลงานไฮโซ ไม่มีห้องเรียนอันอลังการ มันก็เป็นเพียงภายนอก หลายอย่างได้เปลี่ยนไปให้เห็นได้ในช่วงอายุคน จากอิทธิพลของวิชาการหลากหลาย แม่ชักเพราะเด็กบาร์ทบวมน้ำที่เราคุ้นเคยเมื่อสามสิบปีก่อน หายไปแล้วจากสวนดอก เด็กธาลัสซีเมียพุงป่องที่ต้องเข้าคิวกันเติมเลือดเป็นภาพที่ไม่คุ้นตากันแล้วในปัจจุบัน จำนวนเด็กดาวน์หายไปกว่าครึ่งของประชากรแถบนี้ คุณูปการของภาคฯที่สร้างองค์ความรู้ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพชีวิตผู้คนในสังคมแถบนี้อย่างเป็นรูปธรรม เราเห็นชัดเจน และเห็นแล้วว่านี่คือสูติศาสตร์ที่มิใช่เพียงแค่สถานที่ทำคลอด แต่เป็นสถานบริการวิชาการเปลี่ยนแปลงสังคม เหล่านี้ล้วนได้สร้างความรู้สึกดีให้กับลูกศิษย์ทั้งใหม่เก่าตลอดมา
  • อาจารย์ที่เก่งและดี มีคุณภาพ จำนวนมาก (จากการรับเชิญเป็นวิทยากร เขียนแต่งตำรา ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องมายาวนาน) เป็นที่ยอมรับในวงวิชาการ รางวัลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือรู้จักกันในนามรางวัลช้างทองคำ มหาวิทยาลัยจัดสรรให้ปีละครั้งแก่อาจารย์ดีอาจารย์เก่ง คณะแพทย์เราก็ได้มาหลายเชือก 10 ปีมานี้ ราว 20 เชือกแล้ว แต่สูติฯของเราคว้ามาถึง 9 เชือก นอกจากนั้นอาจารย์เราหลายท่านยังได้รับรางวัลระดับชาติมากมายเลยทีเดียว เช่น อาจารย์ดีเด่นแห่งชาติ อาจารย์ดีเด่น สออ. บุคคลต้นแบบของกรมอนามัย นั่นก็เป็นอีกหลักฐานที่บอกว่าสูติฯมช.เราเป็นสูติฯคุณภาพทางวิชาการจริง ๆ เราคงไม่มโนไปเอง จริงไหม
  • แบบสอบถาม feedback ของผู้ที่จบไปจำนวนมาก บอกว่าเขาภูมิใจ เต็มใจ ที่จะบอกกับใคร ๆ ว่าจบเชียงใหม่ (นี่ถือเป็นคำจำกัดความของความสำเร็จของภาควิชาก็ว่าได้)

    วัฒนวิถีของภาควิชา

    เอาเป็นว่าเราคงเป็นสูติฯที่ดีระดับหนึ่ง การเติบโตสู่ความสำเร็จขององค์กรมาจากคุณภาพภายใน มิใช่การสร้างภาพด้วยตึกสวยงาม ห้องเรียนอลังการ สื่ออีเลคโทรนิคเพียบพร้อม อีเว้นต์หรู ๆ แต่อยู่ที่การเรียนการสอนอย่างทุ่มเทเสียสละ อันนำไปสู่การใฝ่รู้ไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจัยสำคัญที่สุดของความสำเร็จ คือคุณภาพอาจารย์ ผู้ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้ศิษย์เก่งดีและมีสุข จบไปอย่างรู้สึกว่าศิษย์มีครู ภารกิจสำคัญของบ้านหลังนี้มิใช่แค่การฝึกปรือให้เขาเชี่ยวชาญด้านสูติ-นรีเวช หากแต่คือฝึกให้เขาใฝ่รู้และใฝ่ดี ใฝ่รู้ทำให้เขาเก่ง ใฝ่ดีทำให้ความเก่งเกิดประโยชน์กับผู้คน (ใช่ตนเอง) และมีความสุข ซึ่งทำให้ความใฝ่รู้มีความยั่งยืน ไม่มีวิธีการสอนใดดีไปกว่าการทำให้เห็น เป็นให้ดู ทุกย่างก้าวของครูอยู่ในสายตาของลูกศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นความรับผิดชอบต่องานบริการ หรือวิชาการ จะถูกจดจำ พฤติกรรมของครูมีผลต่อพฤติกรรมของผู้เรียน เชื่อว่าเรามีแบบอย่างดี ๆ เช่นนั้นมากมายให้ซึมซับจดจำ และเราจะไม่ยอมให้ใครจากไปโดยไม่ได้รับความรู้สึกดีจากบ้านหลังนี้ไป สิ่งนี้มีความหมายมาก ครูเองก็อาจไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ครูทำ ครูเป็น ในวันนี้ มีอิทธิพลสักเพียงใดต่อใครหลายคนไปชั่วชีวิต จุดเด่นคือเรามีวัฒนธรรมการสร้างผลงานและความสุขในองค์กรที่เหมือนบ้าน ซึ่งต้องการความตั้งใจที่มุ่งมั่น ความสัมพันธ์ที่น่าอยู่ วัฒนธรรม (วิถีของคนส่วนใหญ่) ทางวิชาการของภาควิชา

    กว่า 30 ปีหลังจากภาควิชาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดยบูรพคณาจารย์รุ่นบุกเบิก (ดังกล่าวมาในภาคแรก) มีความก้าวหน้าในทุกสาขาวิชาเรื่อยมา ดังที่โดดเด่นมาก ๆ เช่น การพัฒนาวิชาเด็กหลอดแก้วจนเฟื่องฟู (มีอาจารย์ธีระพรเป็นแกนนำ) การผ่าตัดผ่านกล้องนานาชนิด (อาจารย์ชัยเลิศ อาจารย์โอภาส) การผ่าตัดมะเร็งขั้นเทพ (เช่น อาจารย์จตุพล อาจารย์ประภาพร) การวินิจฉัยและรักษาทารกในครรภ์หลากหลายรูปแบบ (อาจารย์พรรณี อาจารย์ชเนนทร์ เป็นต้น) ฯลฯ ในเชิงวิชาการแล้วถือว่าเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยความมุ่งมั่นของคณาจารย์ที่สานต่อปณิธานกันเรื่อยมา ในราว 15-20 ปีมานี้ เราได้แยกหน่วยย่อยสาขาวิชาหลักทั้งสาม เพื่อความสะดวกในการบริการและฝึกอบรมต่อยอด และทำให้การศึกษาค้นคว้ารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ความแกร่งทางวิชาการเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามเราก็มีจุดด้อยบางประการเกิดควบคู่ตามกันมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการทำ private practice ของอาจารย์มากขึ้น บรรยากาศวิชาการและและความผูกพันในองค์กรก็ลดลง เกือบยี่สิบปีแล้วที่ความผูกพันอาจารย์กับเรสซิเดนท์จางลง นับจากวันที่อาจารย์ออกไปทำ private นอกภาควิชา (ซึ่งอาจารย์ยุคบุกเบิกไม่ทำ) ทำให้บรรยากาศความเป็นสูติฯล้านนาของเราด้อยลง สมัยก่อนถ้าอาจารย์มีเคสพิเศษก็จะทำในภาควิชา นอกเหนือจากเคสสามัญแล้ว เรายังได้เรียนรู้การดูแลเคสของอาจารย์ ช่วยอาจารย์ผ่าตัด หรือเฝ้าคลอด เป็นต้น วันนี้การเรียนรู้กับเคสอาจารย์ลดลงอย่างน่าใจหาย การมีเคสพิเศษมากกลายเป็นจุดเสื่อมของภาคฯ (อ.กำจัดกล่าวไว้ และให้ข้อคิดว่าถ้าอาจารย์หมอสูติฯ ทำคลอดเกิน 10 รายต่อเดือนจะไม่สามารถเป็นอาจารย์ที่ดีได้) ง่ายต่อการนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เราตกต่ำ อาจารย์ขาด conference ออกโอพีดีสาย ปล่อยนักเรียนอย่างเดียวดาย ปล่อยให้แพทย์ประจำบ้านลุยกันไปอย่างขาดการเอาใจใส่ เป็นชีวิตที่แห้งแล้งมากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สื่อโซเชียลเข้ามามีอิทธิพลต่อมากขึ้น ดึงความใส่ใจออกไปจากหน้าที่ สมาธิสั้นลง ความสุขในการงานลดลงทุกระดับ คุณภาพงานลดลง ความห่างเหินของผู้คน และขาดความใส่ใจในการงานมากขึ้น นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้คุณภาพเรสซิเดนท์ของเราด้อยลง แต่นี่นับเป็นประเด็นท้าทายที่เกิดขึ้นในทุกวงการ ไม่ใช่เฉพาะที่ภาคฯเรา

    อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้วถือว่าเราได้ set มาตรฐานของภาคฯไว้สูง เป็นแบบพิมพ์สำหรับคนรุ่นต่อไป สิ่งนี้มีความหมายมาก ครูเองก็อาจไม่เคยรู้เลยว่าสิ่งที่ครูทำครูเป็นในวันนี้ มีอิทธิพลสักเพียงใดต่อใครหลายคนไปชั่วชีวิต โชคดีสักเพียงใด ที่เราได้มีชีวิตร่วมกันที่ภาควิชาฯ แม้ว่าเรามิใช่กลุ่มคนที่สมบูรณ์แบบ แต่ตำนานของเราได้สอนให้เห็นว่า “ความสุขในการทำงานเพื่อผู้อื่น” เป็นรากฐานสำคัญที่สุดของการพัฒนาของเรา เมื่อเป็นกลุ่มก้อนหลายท่านเข้า ความเข้มแข็งและประสบความสำเร็จก็ตามมา เรามิได้วัดความสำเร็จในชีวิตด้วยจำนวน publications หรือรายได้ แต่ปิติใจในการเสียสละและเรียนรู้อย่างมีความสุข เชื่อว่า happiness-based learning เท่านั้น ที่ความคิดสร้างสรรค์จะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน

    เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?

    ในยุคเปลี่ยนผ่านของรัชกาลแห่งแผ่นดิน เป็นห้วงเวลาที่ผู้คนหวนคิดถึงความดีงาม จึงขอทบทวนหนึ่งพระราชดำรัสที่ทรงตรัสแก่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในวันที่เข้าเฝ้าถวายงานครั้งแรกเมื่อปี 2524 “มาทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น” ง่าย ๆ สั้น ๆ พร้อมกับตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่สุดจากชีวิตพระองค์ท่านเอง ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มิได้อยู่ที่มีอะไรมากที่สุด แต่อยู่ที่เสียสละได้มากที่สุด และมีความสุขที่สุด ชัดไหม !!! อยู่เพื่อตน..อยู่แค่ตนสิ้นใจ อยู่เพื่อคนทั่วไป…อยู่ชั่วฟ้าดิน และนี่น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของเราเช่นเดียวกันว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร คำตอบคือความสุขในการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น (ไม่ใช่รายได้) เมื่อเราช่วยกันจนหลายคนคิดได้เช่นนี้เราก็กลายเป็นสูติฯล้านนาที่แตกต่าง แม้การดำเนินตามเบื้องพระยุคลบาทของเราเป็นเพียงสเกลเล็ก ๆ ในสังคมนี้ แต่ก็เชื่อว่าอย่างน้อยสักเสี้ยวหนึ่งที่เราได้ดำเนินตามปรัชญาง่าย ๆ สั้น ๆ นี้ ที่ทำให้เรามีปิติจากภายใน มิใยที่ใครจะต้องรับรู้หรือจดจำ ปรากฏการณ์ในการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น สัมผัสได้โดยตรงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ เช่น

    ความเอาใจใส่ของอาจารย์ต่อเรสซิเดนท์และเฟลโลว์มีสูง มีผลต่อเนื่องให้แพทย์ประจำบ้านเอาใจใส่น.ศ.พ.มากขึ้นด้วย อาจารย์จำนวนไม่น้อยเสียสละเพื่อลูกศิษย์โดยมิได้หวังผลตอบแทน เป็นความเหน็ดเหนื่อยที่มีความสุขในการเรียนรู้ร่วมกัน ช่วยเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการ โดยเฉพาะการวิจัยแต่ละเรื่องที่ต้องร่วมใจกันสร้างสรรค์ตั้งแต่คิดโจทย์วิจัยไปจนตีพิมพ์ การรักษาผู้ป่วยที่มีอาจารย์เป็นพี่เลี้ยงเสมือนกัลยาณมิตร ตามมาช่วยผ่าตัดนอกเวลาได้อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เข้าถึงได้ง่าย (available) ซึ่งเป็นผลดีโดยตรงต่อผู้ป่วยและวิชาการของแพทย์ทุกระดับ บรรยากาศสังคมครอบครัวและพี่น้องที่สูงมาก (จากอิทธิพลวิชาการทั้งนอกและในเวลาราชการ)

    มองไปข้างหน้าเพื่อก่อความหวัง มองไปข้างหลังเพื่อเก็บบทเรียน

    เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่สุดของการประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในวันนี้ และเป็นความหวังในวันข้างหน้าให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป คือ คุณภาพครู ดังนั้นความหวังสำคัญที่สุด คือการต้อนรับ staff ใหม่คนต่อไป (รวมไปถึงเรสซิเดนท์) ซึ่งบ้านหลังนี้ที่มีธรรมชาติสอดคล้องกับวัฒนธรรมของเรา คือ คนที่แสวงหาคุณค่ามากกว่ารายได้

    แน่นอนเรามิใช่ภาควิชาที่ดีที่สุด เป็นภาควิชาของคนธรรมดา อาจมีการทำมาหากินด้วยเหตุผลหรือความจำเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง หมกมุ่นกับเคสพิเศษ โดด conference มากบ้าง น้อยบ้าง บางครั้งโชคร้ายไม่มีความสุขกับกิจกรรมวิชาการหรืองานสอน ฝีนใจราวด์ ออกโอพีดีสาย สอนให้เสร็จ ๆ ฯลฯ นั่นคงเป็นส่วนที่ทำให้ภาควิชามัวหมอง บูรพาจารย์ไม่ปลื้ม ลูกศิษย์ไม่ภูมิใจ ตนก็เอือมระอาตน ขาดความสุขอันพึงได้จากคุณค่าของงาน ความไม่สมบูรณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นบ้างบางเวลา แต่เชื่อว่าในบรรยากาศวิชาการของเรา มักทำให้เราพลันคิดได้ ทบทวนตนเอง นึกถึงความสุขดั้งเดิมของชีวิตครู อันเป็นวิถีชีวิตที่เราเคยเลือกว่าดีที่สุด ย่อมเรียกศรัทธาและความรักในงานกลับมา จำกันได้ดีว่าการได้งานที่เรารัก เหมือนการพักผ่อนไปทั้งชีวิต

    ขอให้บทความนี้มีส่วนบ้างในการสร้างแรงบันดาลใจให้ใครสักคนหนึ่งในสังคมเล็ก ๆ นี้ หวังว่าภาควิชาจะเป็นแหล่งบุญของใครบางคนที่ปรารถนาจะมาเป็นครูหรือศิษย์ที่นี่ ที่ที่ได้เปิดโอกาสให้เขาได้สร้างคุณงามและความเก่งอย่างมีความสุข

    บางส่วนของที่มา:

    1. จากบทสนทนาที่โต๊ะกาแฟในห้องอาจารย์อาวุโส
    2. คำบอกเล่าของผู้คนแถวนี้ และศิษย์เก่าสูติฯมช.
    3. แบบสอบถามผู้เรียน กระบวนวิชาหลักสูตรหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูงทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก สาขาวิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
    4. บทสัมภาษณ์ผู้สมัครแพทย์ประจำบ้านจำนวนมากกว่า 10 ราย ต่อปี
    5. Portfolio ของผู้สมัครแพทย์ประจำบ้านกว่า 20 ราย ที่บันทึกว่าทำไมเลือกเรียนสูติฯเชียงใหม่
    Read More

    How we get to this point?

    เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
    How do we get to this point?

    รศ. ดร. นพ. วีรวิทย์ ปิยะมงคล


    ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นภาควิชาหลักที่ก่อตั้งมาพร้อมกันกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ในปี พ.ศ.2501 นักศึกษาแพทย์รุ่นแรกมีจำนวน 65 คน เรียนเตรียมแพทย์ที่คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ แล้วจึงย้ายมาเรียนที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ.2504 เมื่อมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2507 คณะแพทยศาสตร์ได้โอนย้ายจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์มาสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปี พ.ศ.2508

    ที่ตั้งภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาเดิมอยู่ด้านทิศตะวันออกของคณะแพทยศาสตร์ บริเวณติดกับภาควิชาจิตเวชในปัจจุบัน เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ปัจจุบันใช้งานเป็นหอพักพยาบาล หลังจากนั้นจึงย้ายมายังชั้น 3 อาคาร 7 ชั้น (อาคารบุญสม มาร์ติน) ที่อยู่ในปัจจุบัน ในวันที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เดินทางมาทำพิธีลงเสาเข็มตึกคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.พญ.สุรีย์ สิมารักษ์ กำลังทำผ่าตัด caesarean section ผู้ป่วย abdominal pregnancy ที่ตั้งครรภ์มานานหลายเดือน induction เท่าไรก็ไม่คลอดเสียที

    คณาจารย์รุ่นแรกที่ร่วมก่อตั้งภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา ได้แก่ ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์, ศ.พญ.ดวงเดือน คงศักดิ์, ศ.นพ.วรวุธ สุมาวงศ์ ต่อมาก็มี รศ.พญ.ศุภร ศิลปิศรโกศล และ รศ.พญ.สุรีย์ สิมารักษ์ โดย ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาฯคนแรก ภาควิชาฯได้มีความเจริญพัฒนาก้าวหน้าต่อเนื่องเป็นลำดับ โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาฯ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันตามลำดับ ดังนี้ ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาควิชาฯ คนแรก พ.ศ.2504-2518, ศ.พญ.ดวงเดือน คงศักดิ์ รักษาการหัวหน้าภาควิชาฯ ระหว่างที่ ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ ศึกษาต่อต่างประเทศ พ.ศ.2504-2507 (ก่อนที่จะย้ายไป รพ.ศิริราช และ รพ.รามาธิบดี), รศ.พญ.ศุภร ศิลปิศรโกศร พ.ศ.2518-2528, รศ.นพ.กำจัด สวัสดิโอ พ.ศ.2528-2536, ผศ.นพ.วิรัช เจริญเอี่ยม พ.ศ.2536-2539, รศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล พ.ศ.2539-2547, ศ.นพ.จตุพล ศรีสมบูรณ์ พ.ศ.2547-2551, รศ.นพ.ชเนนทร์ วนาภิรักษ์ พ.ศ.2551-2555, รศ.ดร.นพ.วีรวิทย์ ปิยะมงคล พ.ศ.2555-ปัจจุบัน

    แพทย์ประจำบ้านรุ่นแรกได้แก่ รศ.นพ.กำจัด สวัสดิโอ และพญ.พวงเพ็ญ ริมดุสิต เริ่มฝึกอบรมในปี พ.ศ.2503 ในปีเดียวกันนั้น รศ.พญ.ศุภร ศิลปิศรโกศล ซึ่งปฎิบัติงานเป็นอาจารย์ประจำอยู่แล้ว กำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ ขณะนั้นรศ.พญ.สุรีย์ สิมารักษ์ ได้จบการฝึกอบรมจาก รพ.จุฬาลงกรณ์ และสมัครเป็นอาจารย์ที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ แต่ตำแหน่งเต็ม อ.นพ.วิกุล ที่ รพ.ศิริราช ได้ชวนมาเป็นอาจารย์ประจำที่เชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2503 จากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศในปี พ.ศ.2506 ศ.นพ.กอสิน อมาตยกุล กลับมาจาก Edinburgh มาเป็นอาจารย์ประจำ ในปี พ.ศ.2507

    ในสมัยแรก ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาฯ มีกฎว่าหัวหน้าภาควิชาฯ จะต้องเป็นคนตรวจภายในก่อนผ่าตัดแต่เพียงผู้เดียว และมีการประชุม in service meeting ร่วมกับฝ่ายพยาบาล ซึ่งมี อ.ปราณีต สวัสดิรักษา เป็นหัวหน้าพยาบาลหน่วยสูติกรรม ศ.นพ.หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการผ่าตัด vesico-vaginal fistula (V-V Fistula) อย่างมาก ซึ่งถ่ายทอดให้กับรศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล ในรุ่นต่อมา นอกจากนี้ ท่านยังมีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัด radical hysterectomy และ radical vulvectomy และเป็นคนแรกที่รายงานกรณีผู้ป่วย amoebic vaginitis

    ศ.นพ.กอสิน อมาตยกุล เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการหมุนทารกท่าก้นให้กลับมาเป็นท่าหัว การทำหัตถการ embryotomy ในกรณีที่เกิดการคลอดติดขัด (obstructed labor) ของทารกที่อยู่ท่าขวางและเสียชีวิตแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดรักษาภาวะปัสสาวะเล็ดโดยเทคนิคผ่าตัด Marshall-Marchetti-Krantz (MMK) เป็นผู้ก่อตั้งและคณบดีคนแรกของบัณฑิตวิทยาลัยที่ดูแลการเรียนการสอนของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเอกของทั้งมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งห้องปฏิบัติการ reproductive endocrinology และริเริ่มการใช้เทคนิค radioimmunology assay

    ในยุคสมัยนั้น อัตราตายของมารดาและทารกสูงมาก สตรีตั้งครรภ์มักเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมกับภาวะแทรกซ้อนสูง ในช่วงที่ รศ.พญ.ศุภร ศิลปิศรโกศร ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาฯ ได้มอบหมายให้ รศ.พญ.สุรีย์ สิมารักษ์ แก้ปัญหาดังกล่าว โดยได้ก่อตั้ง high-risk clinic ริเริ่มปรับปรุงการดูแลสตรีตั้งครรภ์ ควบคุมระบบระเบียบการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน มีระบบ first call, second call medical staffing วางแผนการดูแลผู้ป่วยครรภ์เป็นพิษอย่างเป็นระบบ ในสมัยนั้นพบโรค cardiac beriberi บ่อย ให้การรักษาโดยการฉีดวิตามินบีให้อาการก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาวะมดลูกแตกก็พบมากมาย เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมาโรงพยาบาลก็ต่อเมื่อพยายามคลอดเองที่บ้านไม่สำเร็จ ซึ่งส่วนมากจะพยายามกันอยู่หลายวัน นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มให้มีการแบ่งการดูแลออกเป็นหน่วยต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1) หน่วย Perinatology โดยมี รศ.พญ.สุรีย์ สิมารักษ์ เป็นหัวหน้าหน่วย 2) หน่วย Infertile and family planning โดยมี ผศ.นพ.ธวัชชัย ตัณสถิตย์ เป็นหัวหน้าหน่วย และ 3) หน่วย Gynaecologic oncology โดยมี ผศ.นพ.วิรัช เจริญเอี่ยม เป็นหัวหน้าหน่วย

    คณาจารย์ในภาควิชาฯ ทุกท่านตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีความเป็นผู้บุกเบิกและมีชื่อเสียงในทางวิชาการทั้งด้านการเรียนการสอนและการทำหัตถการเวชปฏิบัติต่าง ๆ ทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา ที่สำคัญ ได้แก่ ผศ.นพ.ธวัชชัย ตัณสถิตย์ ริเริ่มการทำ laparoscopic examination และ epidural anesthesia สำหรับ painless labor ผศ.นพ.วิโรจน์ สหพงษ์ ริเริ่มการทำหมันผ่านทางช่องคลอด ผศ.นพ.ประโยชน์ จงอยู่สุข ริเริ่มการทำหมันโดยใช้ laprocator และ falope ring ผศ.นพ.จำนง อุตวิชัย และรศ.พญ.พรรณี ศิริวัฒนาภา ริเริ่มการตรวจอัลตราซาวน์ทารกในครรภ์ รศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล หลังกลับจากการศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัย Heidelberg ประเทศเยอรมนี เป็นผู้ริเริ่มการเจาะตรวจน้ำคร่ำ (amniocentesis) โดยในยุคแรกของห้องปฎิบัติการ ศ.นพ.ต่อพงษ์ สงวนเสริมศรี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ พยายามเพาะเลี้ยงเซลล์เพื่อตรวจโครโมโซมแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ยุคต่อมา รศ.ดร.อำนาจ มีเวที ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ พยายามเลี้ยงเซลล์แต่ไม่ประสบความสำเร็จอีก จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคจาก รศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล จึงประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก และรศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล ยังเป็นผู้ริเริ่มการเจาะตรวจเนื้อรก (chorionic villus sampling, CVS) การเจาะตรวจเลือดสายสะดือทารกในครรภ์ (cordocentesis และ fetal blood sampling, FBS) ในการตรวจวินิจฉัยและการตรวจคัดกรองโรคธาลัสซีเมีย นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งคลินิกให้คำปรึกษาก่อนสมรส (premarital counseling clinic)

    ด้านการเรียนการสอน ผศ.นพ.สมพงษ์ คุณเลิศกิจ หลังจากจบการศึกษาต่อด้านแพทยศาสตรศึกษาจากมหาวิทยาลัย Dundee สหราชอาณาจักร ที่มีชื่อเสียงด้านแพทยศาสตร์ศึกษาเป็นอันดับหนึ่ง เป็นผู้ที่ริเริ่มและมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรียนการสอน จัดการหมุนเวียนเป็น 2 สายที่ประกอบด้วย อาจารย์ แพทย์ประจำบ้าน และนักศึกษาแพทย์ ดูแลจุดบริการ 8 จุด ได้แก่ หอผู้ป่วยสูติกรรม (OB1และ OB2) หอผู้ป่วยนรีเวช ห้องผ่าตัด ห้องคลอด ห้องตรวจ OPD3, OPD4, และ OPD5 โดยผลัดเปลี่ยนกันทุก 3 เดือน การฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา จะต้องมีการสอบเพื่อวุฒิบัตรของแพทย์ประจำบ้าน ซึ่งแต่เดิมประกอบด้วย 3 ส่วน คือ บันทึกรายงานผู้ป่วย 20 ราย การสอบการตรวจร่างกาย และการสอบความรู้ทางพยาธิวิทยา รศ.นพ.ชัยรัตน์ คุณาวิกติกุล เป็นผู้ที่ริเริ่มให้มีการติวเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบบอร์ดขึ้น

    ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสำคัญบางส่วนที่แสดงถึงความเป็นมาของภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นเลิศ ทั้งด้านการเรียนการสอนระดับก่อนและหลังปริญญา การรักษาพยาบาล ตลอดจนงานวิจัย โดยรวบรวมเรียบเรียงจากหนังสือครบรอบ 25 ปี และ 40 ปี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และการบอกเล่าของคณาจารย์อาวุโสที่มาพบปะสังสรรค์รับประทานอาหารกลางวันที่ภาควิชาฯ กันสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมีอาจารย์อีกหลายท่านที่มีส่วนในการร่วมสร้างภาควิชาฯ ให้พัฒนาก้าวหน้ามาตราบจนปัจจุบัน และอาจยังมิได้อ้างอิงในที่นี้ หากพบข้อผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ผู้เขียนใคร่ขออภัยมา ณ โอกาสนี้

    บรรณานุกรม

    1. นิมิตร มรกต. 4 ทศวรรษ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่ : คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2542

    2. วัฒนา นาวาเจริญ. 50 ปี คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เชียงใหม่ : คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. 2552

    Read More

    ภาควิชาในยุคต้น

    Department of OB & GYN in the Early Age

    ศ. นพ. กอสิน อมาตยกุล


    ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา เชียงใหม่ของเรา ได้รับการก่อตั้งมาพร้อมกับคณะแพทยศาสตร์ในปี พ.ศ. 2552 หัวหน้าภาควิชาคนแรกคือท่านอาจารย์แพทย์หญิง ดวงเดือน คงศักดิ์ ถูกขอยืมตัวมาจากศิริราชสักระยะ ก่อนที่เราจะได้ท่าน ศ.นพ.มจ.อำนอร์สวัสดิ์ สวัสดิวัฒน์ มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา จนกระทั่งท่านถึงแก่ชีพตักษัยได้มีการจัดการเรียนการสอน การวิจัย พร้อมทั้งการดูแลรักษาผู้ป่วย ภาควิชาสูติฯ ในสมัยแรกเริ่มได้ใช้อาคารโรงพยาบาลเก่าของเมืองเชียงใหม่ เป็นที่ตั้ง เป็นอาคารไม้ อยู่ใกล้กับประตูสวนดอก ข้างใต้เป็นคูน้ำ สูติแพทย์ท่านอื่นๆ นอกจากท่านอาจารย์หม่อมเจ้าอำนอร์สวัสดิ์หัวหน้าแผนกแล้วก็มีท่านอาจารย์ศุภร, ผู้เขียน, อาจารย์วราวุธ, อาจารย์แพทย์หญิงเพ็ญแข ซึ่งต่อมาได้ย้ายไปอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี กรุงเทพฯ ส่วนอาจารย์พิศิษฐ์ หลังจากได้ไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมันนี ได้ย้ายไปปฏิบัติงานด้าน gynaecological pathology ที่ ม.ขอนแก่น

    ระยะแรกไม่มีแพทย์ฝึกหัด เราต้องผลัดกันอยู่เวร แม้กระนั้นอาจารย์หมอวราวุธ ยังใช้เวลาว่างเกือบทั้งหมด ฝึกให้ น.ศ.แพทย์ เต้น ballet และอาจารย์จะจัดให้มีการแสดงอย่างยิ่งใหญ่ที่วันธนาคารเกือบทุกปี ซึ่งเป็นกิจการที่สำคัญของเชียงใหม่ นศพ.นัก ballet เท่าที่จำได้ก็มี อ.จ.ธวัชชัย ของเรา และ อ.จ.พ.ญ.บุญสม ผลประเสริฐ แผนกเด็ก นอกเหนือจากนี้ อาจารย์ให้ นศพ. ไปจับกบตัวผู้มาทำ pregnancy test ด้วยเหตุที่ว่า morning urine จากคนท้องจะมี hormone HCG อยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อเอามาฉีดที่หลังของกบ HCG นี้จะมีผลทางชีวะวิทยาคล้ายๆ กับ pituitary LH ทำให้กบหลั่ง sperms ออกมาในกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นหลังฉีด 2-3 ชั่วโมง เมื่อเราดูดปัสสาวะออกมาตรวจดูจะเห็นว่ามี sperms ว่ายอยู่เป็นจำนวนมาก มาคิดดูอาจจะเห็นได้ว่าถ้ากบตัวนี้เผอิญไปผสมกับกบตัวเมียมาตลอดคืน อาจจะไม่มี sperms เหลืออยู่เลยก็ได้ซึ่งจะให้ผลเป็น false negative ผมเลยเอา test ที่ใช้ antigens-antibodies คือ haemoagglutination-inhibition-test ที่เชื่อถือได้มาใช้แทน

    นี่ก็เป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้ผมเปลี่ยนศึกษาทาง Endocrinology & Reproduction เพื่อจะได้นำกลับมาใช้ในการให้บริการต่อชุมชน ก่อนที่จะขอให้อาจารย์ธีระพร ซึ่งสนใจในวิชาแขนงนี้มาทำแทน

    หลังจากนั้นเรามีคนไข้ทั้งที่ตั้งครรภ์ยากและพวกที่ตั้งครรภ์ง่ายต้องการคุมกำเนิดมาปรึกษาเรามากขึ้น ทำให้ต้องการได้ความรู้ทาง hormones และ reproduction มากขึ้น เลยตัดสินใจลาไปศึกษาต่อที่ สหรัฐอเมริการวมทั้งการนำเอา culdoscope มาทำหมันผ่านทางช่องคลอด ที่เรียกว่า culdoscopic tubal ligation ทำให้ไม่ต้องดมยาหรือคนไข้ไม่มีแผลหน้าท้อง ทางสถานีโทรทัศน์ที่ลำปางได้ขอให้ไปออกรายการพร้อมกับคนไข้ที่ได้ทำหมันด้วยวิธีนี้ ได้พยายามฝึกให้อาจารย์หมอวิโรจน์ทำแทน เนื่องจากผู้เขียนต้องไปรับงานที่บัณฑิตวิทยาลัย และไปเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์เพื่อสุขภาพตามลำดับ เลยทำให้การทำหมันวิธีนี้ลดน้อยลงจนกระทั่งหายไป หลังจากนั้นอาจารย์ธวัชชัย จึงได้นำเอา laporoscope มาใช้แทน

    เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้คงจะหาอ่านได้จากเอกสารต่างๆ ของภาควิชาและของคณะ

    Read More

    Happy New Year 2021

    สวัสดีปีใหม่ 2564
    Happy New Year 2021

    ส.ค.ส. 2564

    พร ธรรม กำลังใจ

    ขอให้ประสบความสำเร็จ
    ในทุกความปรารถนาที่ดีงาม
    Happpy New Year 2021

    ปีแห่งการอยู่เย็นเป็นสุข

    ปานประหนึ่งว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
    เต็มใจไป (ไปใช้ชีวิต) ไม่ใช่จำใจไป (ไปใช้กรรม) นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่สุดของการออกโอพีดี วันนี้ ตั้งใจไปเลยว่าจะทำให้ดีที่สุด ผู้ป่วยวันนี้โชคดีเหลือเกินที่มาเจอเรา นาทีนี้ไป เราจะลืมเรื่องอื่น ๆ ให้สิ้น ปิดมือถือ ปิดความคิดอ่านอื่น ๆ ที่ค้างคาใจ ผู้ป่วยรายนี้ต้องการสมองของหมอที่แจ่มใสสุดสุด กับหัวใจของหมอที่ใส่ใจสุดขีด คนไข้คือโจทย์ที่ท้าทาย ให้เรามีความสุขในการวินิจฉัย เป็นชีวิตชีวาในการค้นหาและบำบัด ซักประวัติตรวจร่างกาย.. ไม่มี part ไหนที่ทำไปเพียงให้เสร็จ ๆ เพราะศรัทธาและเต็มใจ สมองจะแตกฉาน สองมือจะเชี่ยวชาญ ผลงานจะสุดยอด สิ่งที่มีความหมายสูงสุดในวันนี้ คือความเต็มใจ (ความชอบ) เพราะมันคือความสุข ความสุขเท่านั้นที่ทำให้สมองทำงานสมบูรณ์ ถ้าฝืนใจทำ ฮอร์โมนความเครียดจะ shutdown สมอง วินิจฉัยผิด ๆ ถูก ๆ ความสุขไม่ได้อยู่ที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ หากแต่อยู่ที่เราชอบในสิ่งที่เราทำ ดังนั้นเมื่อเราต้องทำ เราต้องชอบมันให้ได้ นี่คือความท้าทายขั้นสูงสุด ความชอบศรัทธาเป็นสิ่งแรกที่ต้องมีของผู้ประสบความสำเร็จ ถ้าไม่มี ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา อย่าฝืนใจ เพราะมันลิมิตศักยภาพ หมอก็เจ็บ การรักษาด้อยคุณภาพ คนไข้ก็พลอยซวย ผู้ช่วยก็อึดอัด แต่ความเต็มใจทำให้ศักยภาพแสดงออกเต็มที่ การวินิจฉัยแยกโรคจะรอบคอบรอบด้าน ออกโอพีดีวันนี้ เป็นการมอบสิ่งดี ๆ ให้กับใครบางคน เพราะเต็มใจจึงเป็นการพักผ่อนจริง ๆ สมองผ่องใส จิตใจผ่องแผ้ว ความสุข เกิดขึ้นในหัวใจของผู้ให้เสมอมา ไม่ว่าใครจะรับรู้หรือไม่ มันจบตรงนั้น จากกันวันนี้ ไม่ต้องมีใครจดจำ ดีก็คือดี ไม่ต้องมีคนเซ็นรับรอง ไม่ต้องมีคนกดไลค์ ไม่ต้องมีใครแชร์

    ยอดคน อยู่ที่เก่งคน

    ฮั่นโกโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น เคยกล่าวไว้ว่า
    “พูดถึงการวางแผน ข้าสู้จางเหลียงมิได้
    จางเหลียงนั่งวางแผนอยู่ในกอง บัญชาการ แต่สามารถกำหนดชัยชนะไกลนับพันลี้
    พูดถึงการปกครองประเทศชาติให้ร่มเย็นเป็นสุข ข้าสู้เซียวเหอมิได้
    เซี่ยวเหอรู้จักเอาใจใส่ประชาราษฎร์สนองเสบียงกรังไม่สิ้น
    พูดถึงการสู้รบ ข้าสู้หันซิ่นมิได้
    หันซิ่นสามารถนำทหารนับหมื่นออกสู้รบอย่างกล้าหาญ รบคราใด ชนะครานั้น
    บุคคลทั้งสามล้วนเป็นยอดคน แต่ข้าสามารถใช้งานคนทั้งสามได้
    นี่คือเคล็ดลับในการได้บัลลังก์ของข้า”

    สวดมนต์ข้ามปี

    ขอพรให้เรา.. มีใจเข้มแข็ง คำร้ายใดก็ทำร้ายใจไม่ได้
    ขอพรให้เรา.. ตาสว่าง สินจ้าง อำนาจใด ก็ไม่อาจบังตา
    ขอพรให้เรา… สมองผ่องใส คิดได้ ไหนผิดไหนถูก ไหนดีไหนชั่ว

    เจ็บก็เพียงกาย อย่าให้ใจบอบช้ำ

    หลวงพ่อกล่าวตอน admit ด้วยโรคของผู้สูงวัย
    “เรื่องทางกายเป็นปัญหาของหมอ แต่เรื่องทางใจเป็นหน้าที่ของเรา” (หลวงตาสมเกียรติ)
    ภารกิจของชีวิตคือรักษาใจให้ผ่องแผ้ว ส่วนโรคกายปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอ
    ความเหมือนความต่างระหว่างพระอรหันต์กับปุถุชน คืออะไร
    คนทั่วไปต้องโดนลูกศรสองดอก… ดอกหนึ่งปักกาย ดอกหนึ่งปักใจ
    ดอกหนึ่งทิ่มแทงกายให้เจ็บแสบและแตกดับ
    ดอกหนึ่งทิ่มแทงใจให้เจ็บช้ำ ผิดหวัง โลภ แค้นแสนสาหัส
    แต่อริยะทั้งหลายโดนแค่ศรปักกาย แม้เสื่อมสลายก็ไม่เจ็บใจ ปักกายแต่ไม่ปักใจ
    นี่คือที่สุดของชีวิตแล้ว… แม้ร่างกายล่มสลายใจก็ยังสงบเย็น (Ref. พระไตรปิฏก)

    ออฟฟิศที่น่าอยู่

    ไหวไหม
    เหนื่อยไหม
    โอเคหรือเปล่า
    กินข้าวหรือยัง
    รู้สึกดีทุกครั้ง ที่ได้ฟังได้ยิน
    แม้เป็นคำพูดธรรมดา แต่รู้ว่า “มีใจ”
    ปัใหม่นี้ขอให้มีใจ
    อย่าทำร้ายกันด้วยวาจา แววตา ท่าที “ที่ไม่มีใจ

    ยอมรับความเห็นต่าง

    ยอมรับความเห็นต่าง อยู่อย่างไม่ต้องคิดเหมือนกันให้ได้
    แต่หลายครั้งใจมันไม่ยอม ชอบสำคัญตนว่าเป็นคนถูกเสมอ
    แต่เป็นชนวนของความขัดแย้งในโลกโซเชียล
    ในห้อง conference ที่เห็นต่างทางวิชาการ
    หรือแม้แต่ในบ้านที่เห็นต่างทางการเมือง
    ผูกใจเจ็บต่อคนเห็นต่าง อ่านซ้ำ ๆ กับถ้อยคำที่สะใจเรา
    เสพแต่ข่าวที่เข้าข้าง ยิ่งเสพนับวันยิ่งแค้น แม้กับคนที่ไม่เคยรู้จัก
    เหตุผลที่สรรหาเพียงเพื่อแสดงว่าตนถูก มากกว่าหาข้อเท็จจริง
    ลึก ๆ ก็แค่อัตตามันหาทางข่มกัน เพื่อความสะใจ
    แต่การผูกใจเจ็บ หวังให้เขาเจ็บ กลับเจ็บใจตน
    ดั่งตนกินยาพิษ แล้วรอคอยให้เขาตาย สุดท้ายคนตายก็คือตน
    ลองเปิดใจกว้าง ลดตนลง ยอมรับความเห็นต่างอย่างจริงใจ

    Save สุจิณโณ

    Save คำหลวงปู่ ให้อยู่ในใจ
     แก้ตัว…ช่วยอะไรไม่ได้ แก้ไข…ช่วยได้ทุกอย่าง
     แก้แค้นที่ดีที่สุด คือหยุด! ก่อเวรกรรม
     โกรธเขา… เราทุกข์ อภัยเขา… เราสุข
     และที่สุดของที่สุด “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอะไรจะตั้งอยู่ ไม่ว่าอะไรจะดับไป ให้เห็นเป็นธรรมดา”

    (คำสอนหลวงปู่แหวน สุจิณโณ: วัดดอยแม่ปั๋ง)

    คนที่น่ากลัวที่สุด

    ไม่ใช่หัวหน้าแผนกที่มีพวกพ้อง
    ไม่ใช่นักการเมืองที่อยู่คนละฝั่ง
    ไม่ใช่หัวหน้าผู้จ้องจับผิด
    ไม่ใช่คนคิดต่างที่คอยจะโจมตี
    แต่คนที่น่ากลัวที่สุด
    คือตัวเราเองที่ไม่ยอมให้อภัย และผูกใจเจ็บ
    เพราะมันเป็นที่มาของชะตากรรมอันเลวร้ายในที่สุด

    ที่สุดของชีวิต

    อาภรณ์ที่มีเสน่ห์สูงสุดคือรอยยิ้ม
    หลักประกันชีวิตที่มั่นคงที่สุดคือ สติ
    สิ่งที่ต้องจับตาให้มากที่สุดคือ ความคิด
    สิ่งที่ต้องควบคุมให้อยู่มือ คืออารมณ์
    สิ่งที่ต้องระวังขั้นระดับเตือนภัย คือคำพูด
    สิ่งที่ต้องถนอมไว้อย่างสุดขีด คือน้ำใจ
    สิ่งที่ต้องพัฒนาให้ถึงที่สุด คือนิสัย
    สมบัติอันล้ำค่าที่สุดของชีวิต คือปัญญา
    แสวงหาหรือรักษาให้ได้สักข้อ
    ทุกข้อทีเหลือก็มักจะตามมาด้วย

    Read More

    Happy New Year 2019

    สวัสดีปีใหม่ 2562
    Happy New Year 2019

    19Top

    ส.ค.ส. 2562

    พร ธรรม กำลังใจ

    ขอให้ประสบความสำเร็จ
    ในทุกความปรารถนาที่ดีงาม
    Happpy New Year 2019

    ผู้เยียวยา

    บางครั้ง บำบัดโรคร้ายให้หายขาด
    บ่อยครั้ง ช่วยบรรเทาให้หายเจ็บ
    ทุกครั้งไป ก่อกำลังใจให้หายหนาว
    (แปลจาก Hippocrates quotes: Cure sometimes, treat often, comfort always)

    ด้วยใจและใจ

    อีกปีนับจากวันนี้ไป
    จะกลายเป็นสิ่งที่งดงามเหลือเชื่อ
    ของสิ่งที่เราเริ่มทำในวันนี้ … ด้วยใจ
    เพราะวิธีทำนายอนาคตที่ดีที่สุด
    คือการสร้างมันขึ้นมา.. ด้วยการสร้างความเต็มใจ
    ความเต็มใจเป็นสิ่งแรกที่ต้องมี ในทุกหน้าที่การงาน
    เพราะสมองทำงานได้ดีเมื่อมีความสุขจากความเต็มใจ
    ความจำใจ เป็นความเครียดที่ shutdown สมอง ซากชีวิตจะทำงาน
    งานชิ้นต่อไป เต็มใจหรือจำใจ choice ชีวิตที่มีสิทธิ์เลือก

    อีกปีที่รู้จักชีวิต

    อย่าถามเลยว่า ปีที่ผ่านมาได้อะไรมาบ้าง
    สะสมสมบัติได้มากเพียงใด บริวารใหญ่ขึ้นแค่ไหน
    แต่ถามใจดูว่า ทำอะไรให้ใครชื่นใจได้บ้าง
    กี่เหตุการณ์ร้ายที่จัดการได้ด้วยปัญญา
    แกร่งขึ้นแค่ไหน.. กับการยิ้มได้ในทุกสถานการณ์
    ในช่วงเวลาสั้น ๆ ของชีวิตที่ไม่มีอะไรเป็นของเราจริง
    แค่หยิบยืมใช้ชั่วคราว ใช่ครอบครองได้จริง
    ไม่หลงใหลในชีวิตที่ผ่านมา จึงไม่หวาดหวั่นต่อวันพลัดพราก
    คิดให้ดี… อยู่เพื่อให้ ไปด้วยบุญ

    Journal club

    หัวข้อไม่น่าสนใจ สไลด์เพลน ๆ .. นำเสนอไม่ดึงดูดใจ
    แต่เราขอเตรียมใจ เต็มใจ ตั้งใจ ให้เวลา ตื่นตา ตื่นใจ
    ตื่นอย่างเต็มตา ให้เวลาอย่างเต็มใจ
    มาด้วยใจ มิใช่ด้วยหน้าที่ แล้วเราก็รู้ว่า
    ไม่มีหัวข้อใด ไร้ค่า น่าเบื่อ สำหรับผู้เต็มใจใฝ่รู้
    ชั่วโมงเดียวกัน… บางคน.. จำใจ ทนฟังตามหน้าที่
    เป็นคนมีกรรม.. แอบเล่นไลน์อย่างหวาดระแวง เผลอหลับและฝันร้ายผิดที่
    ทั้งที่เขามีสิทธิ์ คิด รู้ ตื่นใจไปกับสาระและแนวคิดของผู้ทำวิจัย
    กลับต้องมานั่งถ่างตา น้ำตาคลอ รอ take home message
    แต่ความไม่มีใจ ทำลายชีวิตเขาไปชั่วโมงหนึ่ง
    และอาจกลายเป็นไลฟ์สไตล์บาป ที่ติดตัวตลอดไป
    ปีใหม่.. เตรียมใจล่วงหน้า ตั้งเป้าหมายชัดเจน
    คิดอย่างฉลาด สร้าง passion ให้วันธรรมดามีค่าสูงสุด
    อย่ายอมให้สัมมนาใด ผ่านไปโดยไม่ได้ความรู้อย่างมีความสุข
    มันง่ายนัก .. ที่ใครจะสนใจและทำในสิ่งที่ชอบ
    แต่คนที่สามารถชอบในทุกสิ่งที่ต้องทำ … นี่ต่างหากอัจฉริยะ
    ชีวิตคงไม่เผชิญแต่กับสิ่งที่เราชอบ แต่ทักษะการชอบในทุกสิ่งที่เราต้องทำ
    คือพรสวรรค์อันล้ำค่าของชีวิต ถ้าไม่มีทักษะนี้… สร้างมันขึ้นมาก็สิ้นเรื่อง

    ปีนี้มีเวลาให้กัน

    ปีใหม่นี้ ให้เวลาแก่กันมากขึ้น
    ถ้าเราลดเวลา social media ลงวันละ 1 ชั่วโมง
    แค่วันราชการ.. จะได้เวลาเพิ่มสัปดาห์ละ 5 ชั่วโมง
    นั่นคือ 250 ชั่วโมงต่อปี เท่ากับเวลาทำงานปกติกว่า 1 เดือน
    ได้เวลาทำงาน 13 เดือนต่อปี มากพอที่จะเขียนตำราสักเล่ม
    หรือสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ด้วยใจอีกหลายชิ้นงาน
    เวลา เป็นต้นทุนการผลิตชนิดเดียวที่เก็บสต็อคไม่ได้
    จัดสรรเวลาอย่างฉลาด .. เลิกเสียเวลาติดตาม update คนที่เราริษยา
    เลิกเสียเวลากับการตามกดไลค์อย่างสะใจในความล้มเหลวของผู้อื่น
    เลิกนิสัยที่เคยให้เวลากับคนที่เราเกลียดมากกว่าคนข้างกาย
    หันมาให้เวลากับสิ่งดี ๆ และคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างใส่ใจ

    ยังเก่งได้อีก

    คุณเก่งได้กว่าที่เป็น พิมพ์ได้เร็วกว่านี้อีกสองเท่า
    พูดภาษาอังกฤษได้คล่องกว่านี้
    ค้นพบอะไรได้มากกว่าแค่รักษาโรคแบบรูทีน
    เจ๋งกว่านี้ได้อีกมาก จริงไหม… ถ้าใจมี
    ชีวิตและสมองของคุณ มีศักยภาพเกินบรรยาย
    สิ่งที่พลิกพลังชีวิตเป็นความสำเร็จมากน้อยต่างกัน
    ไม่ใช่ไอคิว วาสนา หรือที่มรดกตกทอดมา
    แต่คือแรงบันดาลใจที่มากน้อยต่างกัน
    คนทั่วไป แสวงหาเงินและอำนาจ
    คนฉลาด แสวงหาแรงบันดาลใจ

     เห็นต่างอย่างเป็นมิตร

    ในที่ประชุม.. เห็นต่างอย่างเป็นมิตร … มีอยู่จริงหรือ
    ฤาเพียงวาทกรรม เป็นภาพของคนใจกว้างที่สร้างโดยคนใจแคบ
    ในสมองของคนเรา เก็บข้อมูลมาต่างกัน มากน้อยไม่เท่ากัน
    สังเคราะห์ออกมาเป็นความคิดไม่เหมือนกัน
    คนโง่ที่สุดเท่านั้น ที่อยากให้คนทั้งโลก มีความเห็นเหมือนตน
    ถ้าไม่มีคนเห็นต่าง… บริษัทนี้… หน่วยงานนี้ต้องการคนเพียงคนเดียว
    บางทีน่าฉงน.. รู้มาก ไอคิวเริ่ด เซลล์สมองเยอะ แต่ใช้ชีวิตโง่ ๆ
    โมโหที่คนไม่เห็นด้วย ดิสคัสเพื่อเอาชนะ ขึ้นเสียงกดดันปิดปากผู้คน
    ปิดตาตนเองต่อความเห็นต่าง ปิดใจตนเองต่อข้อมูลหลากหลายมุมมอง
    ใจส่วนลึกลับ… ความเห็นต่างคือความเห็นผิด คนคิดต่างคือศตรู
    ทั้งที่ศตรูตัวจริง.. คืออีโก้.. ตัวร้ายในตัวเรา
    เห็นต่างอย่างเป็นมิตร.. มีได้อย่างไร ถ้าไม่สยบใจตน

    เอาหัวใจไปโอพีดี

    ที่ห้องเรียนต้องการหัวใจของผู้เรียน
    ที่ห้องตรวจต้องความใส่ใจเต็มร้อย ที่เป็นสุขในการเทคแคร์
    ไม่เปิดเฟสเปิดไลน์ในเวลาปฏิบัติงาน เช่น….
    เวลาออกโอพีดี… ใจจะซึมซับความรู้สึกคนไข้ได้มากกว่าเดิม
    สมองแตกฉานเพราะทำงานด้วยใจ โลกทั้งใบคือคนไข้เฉพาะหน้า
    วินิจฉัยโรคได้ดีกว่าเดิม เป็นสุขกับคนไข้รายนี้และรายต่อไป
    ผลงานที่ทำด้วยใจ สวยงามกว่างานที่ทำตามหน้าที่
    ออกโอพีดีวันนี้ พบกับชีวิตที่ดีที่สุด คือ สุข เย็น เป็นประโยชน์
    ความสุขสร้างได้ด้วยปัญญา ไม่ใช่สมาร์ทโฟน

    ที่สุดของคน

    อายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี รู้จักชีวิตมากขึ้น
    เห็นความไม่ยั่งยืน เห็นว่าสิ่งทั้งหลาย
    เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่ใช่เป็นไปตามใจเรา
    นี่คงทำให้หลายคนสงบลงจากความเย่อหยิ่งทั้งปวง
    ถ่อมตนลงจากทุกยศฐาน์ บรรดาหัวโขน
    คลายจากความลุ่มหลงในสิ่งไม่จีรัง
    คามดาวน์ลงจากความเป็นซุปตาร์ เสียงกรี๊ดปรบมือ
    ที่สุดของคน คือการได้เป็นคนธรรมดาที่สุขใจ
    ยิ่งใหญ่แค่ไหน เรียนสูงเพียงใด ไม่ใช่ประเด็น
    สุขสงบเย็น และเป็นประโยชน์ ต่างหาก!!

    Read More

    Happy New Year 2020

    สวัสดีปีใหม่ 2563
    Happy New Year 2020

    ส.ค.ส. 2563

    พร ธรรม กำลังใจ

    ขอให้ประสบความสำเร็จ
    ในทุกความปรารถนาที่ดีงาม
    Happpy New Year 2020

    ด้วยรักและศรัทธา

    การได้งานที่เรารัก ก็เหมือนพักผ่อนไปทั้งชีวิต จึงทำงานด้วยใจ ไม่ใช่ตามหน้าที่ ผลงานจะดีกว่าที่ใครคาดหวัง เกินกว่าที่หัวหน้าคาดคิด จิตใจเบิกบาน ผลงานมีคุณ ชีวิตมีค่า ที่เงินเดือนมิอาจเทียบ แต่เราอาจไม่ได้งานที่เราฝันไว้เสมอไป และนี่อาจไม่ใช่งานที่เรารักมาตั้งแต่เกิด บางทีการเปลี่ยนงานก็อาจไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าเราตั้งใจจะรักมัน ก็สร้างรักนั้นขึ้นมา เชื่อเถิดว่า รักและศรัทธาในงาน เป็นสิ่งที่สร้างได้ ลิสต์หาสิ่งดี ๆ ที่ได้จากงาน คุณค่าที่ยิ่งกว่าเงินเดือน แม้ว่า passion สวรรค์ไม่ได้มอบมา สร้างมันขึ้นมาก็สิ้นเรื่อง จำไว้เลยว่า… ไม่ยากนักที่จะรักในงานที่เราชอบ แต่ การชอบในงานที่เราต้องทำให้ได้ .. นี่สิขั้นเทพ ทำในสิ่งที่รัก.. ใคร ๆ ก็ทำ แต่รักในสิ่งที่ต้องทำ.. ไม่ธรรมดา

    เพียงวันนี้ ที่มีอยู่จริง

    อดีต มีไว้สอนใจ (เก็บกำไรจากความล้มเหลว)
    อนาคต มีไว้เตรียมใจ (ระวังก้าวต่อไป อย่างรู้เขารู้เรา)
    ปัจจุบัน มีไว้ใส่ใจ (เต็มใจสุขใจในสิ่งที่กำลังทำ)
    อดีตคือนมบูด ปัจจุบันคือนมสด อนาคตคือเต้านม

    หมายเหตุ : นมบูดมันเน่ามันขม เต้านม..น้ำนมยังไม่มี แต่นมสด..ซดซะ! 

    พรุ่งนี้.. ที่คาดไม่ถึง

    เราไม่สามารถแก้ไขอดีตได้
    ผลสอบที่ผ่านมาไม่น่าประทับใจ โอกาสเกียรตินิยมหมดไป
    กับคนที่เคยว่าใช่.. มันก็ไม่ใช่ไปแล้ว ทำไรไม่ได้แล้ว
    อดีตที่เคยผิดพลาด .. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้
    แต่วันนี้และวันหน้า เราสามารถไม่ทำแบบเดิม
    อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด.. ที่เหลือให้ฝัน
    ใช่.. เราแก้ไขอดีตไม่ได้
    แต่เรายังสามารถออกแบบจุดจบของมัน
    ให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าที่ใครคาดคิด

    ที่สุดของที่สุด

    ผมอยากให้ทุกคน มั่งมี โด่งดัง ดูปังดูแพง ขับรถหรู ๆ อยู่บ้านไฮโซ
    มียอดไลค์นับล้าน ยอดแชร์ท่วมท้น ผู้คนปรบมือ
    มีตำแหน่งสูง ๆ มีพับบลิเคชั่นเยอะ ๆ และมีทุกอย่างที่เคยฝันหา
    เพื่อให้เขารู้ว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้น.. มันมิใช่คำตอบ
    “ความสุขใจในการได้ออกโอพีดีวันนี้ต่างหาก คือความสำเร็จในชีวิต”

    อยู่ที่ไหน.. ไม่สำคัญเท่าอยู่กับใคร

    ณ ที่ทำงาน หรือที่ใด ๆ
    ปฏิบัติกับคนอื่น เช่นเดียวกับที่ต้องการให้เขาปฏิบัติกับเรา
    บรรยากาศก็น่าอยู่… อย่างน่าอัศจรรย์
    เช่นกัน.. หัวใจสำคัญของการออกแบบบ้านให้น่าอยู่
    คืออยู่ที่การออกแบบหัวใจให้ดูแลคนรอบกาย

    Success with commitment

    จริง.. ไม่มีชัยชนะใดเดินทางมาหาเรา
    มีแต่เราที่ต้องฟันฝ่าไปหามัน
    ปีใหม่นี้.. มีความใฝ่ฝันที่สวยงาม
    มีแรงปรารถนาต่อความสำเร็จ
    แรงกล้ากว่าความความกลัวที่จะล้มเหลว
    ฉะนั้น สัญญากันไหม
    มิใช่แค่เดินไปตามความฝัน แต่ไล่ล่ามันเลย!

    ขอให้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    อย่าสัญญาใด ๆ ในยามหลงใหลคลั่งไคล้
    อย่าตอบโต้ใคร ๆ ในขณะโกรธเคือง
    อย่าตัดสินใจใด ๆ ในเวลาที่กำลังผิดหวัง
    เพราะในนาทีแห่งรัก-โลภ-โกรธ-หลง
    สมอง self-shutdown ชีวิตปฏิบัติงานโดยร่างที่ไร้วิญญาณ
    ไม่รู้ถูก.. รู้ผิด
    ดังนั้น “ตื่นเสียก่อน แล้วค่อยเซ็นสั่งการใด ๆ”

    ระวังความคิด.. ภาระกิจแห่งปี

    ปีนี้… ใช้ปากน้อยลง ใช้สมองมากขึ้น
    ใช้สติปัญญา รู้ทันความคิดตนเอง
    สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ใช่คนคิดร้ายกับเรา
    แต่คือความคิดของเราที่เราตามไม่ทัน
    มันคิดร้ายคิดหลงอยู่อย่างเดียวดาย ไม่ปรึกษาตนเอง
    ที่วุ่นวายทั้งโลก..ล้วนตั้งต้นจากคนที่ตามตนไม่ทัน
    หลายครั้งจริงไหม ที่อยากย้อนเวลาไปปิดปากตนเองในวันก่อน
    มีสติเฝ้าดูความคิดให้ดี อย่าให้คิดไปโดยพลการ
    หยุดทำร้ายตนเอง ด้วยการหยุดคิดร้ายใคร ๆ
    ฉลาดและหยุดให้ทันก่อนคิดสั่งการคอมเมนต์ป้ายสี วจีเจ็บ ๆ
    เพราะมันนำไปสู่ชะตากรรมที่ต่ำทรามของตนเอง

    ขอให้สงบเย็นในทุกสถานการณ์

    ใกล้แล้วจะไปสอบบอร์ด วิตกกังวลว่าอ่านหนังสือไม่ทัน
    พรุ่งนี้มีพรีเซนต์งาน วิตกกังวลว่าจะนำเสนอไม่ดี
    มาถึงรอบห้าคนสุดท้ายแล้ว วิตกกังวลว่าจะตอบคำถามไม่เข้าตากรรมการ
    ความวิตกกังวล ไม่ทำให้อนาคตดีขึ้น แต่ทำให้ปัจจุบันเลวลง
    ดังนี้แล้ว กูรูผู้รู้แจ้งย่อมต้อนรับกับสถานการณ์
    ด้วยใจสงบเย็นและสติปัญญา มิใช่ความวิตกกังวล

    Read More