SUANDOK SOUND THERAPY APP

SST

         

ในการสร้างแอพพลิเคชั่นที่สังเคราะห์คลื่น binaural beats หรือ isochronic tones บนมือถือ ส่วนใหญ่จะใช้การผสมคลื่นดังกล่าวกับดนตรี โดยคลื่นเสียง Binaural beats ซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่เกิดจากการนำคลื่นเสียงตัวนำ (Carrier sounds) 2 เสียงที่มีความถี่ต่างกันไม่มากที่ถูกนำมากระตุ้นสมองผ่านการฟังด้วยหูฟังแบบ stereo และนำผ่านกระโหลกศีรษะ ทำให้เกิดการแทรกสอดในสมอง ส่วน Isochronic tones เป็นคลื่นเสียงผสมที่มีการแทรกสอดเรียบร้อยแล้วจากเครื่องสังเคราะห์และมีคาบเวลาการเปลี่ยนแปลง amplitude เหมือนกันทั้ง 2 ข้าง

จากการศึกษาและวิจัยในต่างประเทศ โดยการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และการตรวจด้วยสนามแม่เหล็ก (fMRI) พบว่าการใช้ Binaural beats สามารถเหนี่ยวนำให้คลื่นสมองในระดับหนึ่งเปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่งได้ ซึ่งเรียกว่า Brainwave entrainment และยังเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมองในบางบริเวณ

การศึกษาเกี่ยวกับ binaural beats เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1839 โดยนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ชื่อ Heinrich Wilhelm Dove โดย Binaural beats เป็นเสียงความถี่ต่ำซึ่งเกิดจากการแทรกสอดของเสียงตัวนำ (Carrier sounds) 2 เสียงที่มีความถี่ต่างกันไม่มาก กระตุ้นสมองผ่านการฟังและการนำคลื่นเสียงผ่านกะโหลกศีรษะ ถ้าความถี่ของเสียงที่ได้ยินโดยหูข้างซ้ายหรือนำผ่านกระโหลกศีรษะเท่ากับ 305 Hz แต่ข้างขวาเท่ากับ 295 Hz จะได้ binaural beats ที่เกิดจากการแทรกสอดในสมองเท่ากับ 305 – 295 Hz = 10 Hz (ดังรูป)

 BB Device

          

จากการศึกษาและวิจัยโดยการวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และการตรวจสนามแม่เหล็ก (fMRI) พบว่า การใช้ binaural beats สามารถเหนี่ยวนำให้คลื่นสมองในระดับหนึ่งเปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่งได้ (เรียกขบวนการนี้ว่า Brainwave entrainment) เช่น ถ้าต้องการเปลี่ยนคลื่นสมองจากสภาวะที่ตื่นตัวหรือความถี่คลื่นสมองอยู่ในช่วง Beta ซึ่งเท่ากับประมาณ 30 Hz ไปเป็นสภาวะที่ผ่อนคลาย หรือความถี่คลื่นสมองอยู่ในช่วง Alpha ซึ่งเท่ากับประมาณ 10 Hz จะเริ่มบำบัดด้วยเพลงหรือเสียงที่มีความถี่บีตประมาณ 30 Hz ในช่วงต้นเพลง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนความถี่บีตเป็น 10 Hz ในช่วงท้ายเพลง เป็นต้น

โดยทั่วไป ผู้ฟังส่วนใหญ่ไม่สามารถรับรู้หรือได้ยิน binaural beats เนื่องจากมีความถี่ต่ำกว่าช่วงคลื่นที่หูมนุษย์ได้ยิน (ความถี่ที่หูมนุษย์สามารถรับรู้ได้อยู่ระหว่าง 20 ถึง 20000 Hz) แต่จะเกิดขึ้นภายในสมองจากการแทรกสอดของคลื่นตัวนำจากหูทั้ง 2 ข้าง โดยที่ผู้ฟังไม่รู้ตัว มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคลื่นเสียง Binaural beats รวมทั้งคลื่นเสียง Monaural beats, White noise และ Isochronic beats หลายฉบับแสดงให้เห็นว่า การใช้ Binaural beats สามารถเหนี่ยวนำให้คลื่นไฟฟ้าสมองเปลี่ยนแปลงได้ในระดับต่างๆ และได้ผลเพิ่มทักษะด้านภาษา ด้านอวจนะ ด้านความจำ รวมถึงช่วงความสนใจ

ในยุคที่มีความก้าวหน้าทางวิทยาการด้านคอมพิวเตอร์อิเล็คทรอนิคส์อย่างปัจจุบัน มีศาสตร์ที่นำจิตวิทยาด้านเสียงมาประยุกต์ร่วมกับอิเล็คทรอนิคส์ เรียกว่า Psycho-acoustics และ Electro-acoustics ซึ่ง เป็นวิชาที่ศึกษาด้านเสียงและอิเล็คทรอนิคส์ ได้มีการสร้างเครื่องมือและพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์โดยอาศัยผลการวิจัยทางการแพทย์ที่เกี่ยวกับสมอง มาสร้างคลื่นเสียงให้มีความถี่ต่างๆสัมพันธ์กับคลื่นสมองของคนเรา และมักใช้ร่วมกับแว่นตาที่สร้างขึ้นมาพิเศษที่มีหลอดไฟ LED เปล่งแสงกระพริบ (Strobe light) ที่สัมพันธ์กับความถี่ของคลื่นเสียงสังเคราะห์ ในต่างประเทศมักนิยมเรียกเครื่องมือชนิดนี้ว่า Mind machine

โครงการวิจัยนี้เป็นการสร้างนวตกรรมแอพพลิเคชั่นซึ่งสามารถสังเคราะห์คลื่นเสียง binaural beats, isochronic tones และ superimposed binaural beats ที่สามารถปรับแต่งได้เฉพาะบุคคล บน platform ที่ใช้กับโทรศัพท์มือถือ ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวก และยังมีการใช้ superimposed binaural beats ซึ่งเป็นคลื่น binaural beats แบบใหม่ที่ยังไม่มีใครสังเคราะห์มาก่อน โดยก่อนหน้าที่ทีมวิจัยได้ทดสอบกับนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา พบว่ามีประสิทธิภาพดีกว่า binaural beats แบบปกติทั่วไป