Resident สูติผู้หญิง นุ่งกางเกงมาราวด์นอกเวลาได้ไหม

Resident สูติผู้หญิง นุ่งกางเกงมาราวด์นอกเวลาได้ไหม

Resident สูติผู้หญิง นุ่งกางเกงมาราวด์นอกเวลาได้ไหม ไม่ใช่กฏเกณฑ์ตายตัว แต่ก็ดูไม่งาม ไม่ทำเลยจะดีกว่า เป็นวัฒนธรรม หรือธรรมเนียมของชาวสูติมช. ที่เรามีความเรียบร้อยเช่นนี้มาช้านาน ดังนั้นนุ่งกระโปรงเถอะ

Read More

Extern ต้องเข้า morning conference ไหม

Extern ต้องเข้า morning conference ไหม

จำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาแพทย์จะต้องเข้า attend morning conference เป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการรับฟัง สร้างความคุ้นเคยกับดูแลรักษา cases ที่เจอบ่อย ๆ จะได้รับฟังการ discuss จากพี่ ๆ แพทย์ประจำบ้าน และอาจารย์ เป็นประสบการณ์ฟรี เหมือนข่าวรับอรุณทางวิชาการ เป็นโอกาสที่จะได้ exposed กับการดูแลทางสูติ-นรีเวช extern ที่อยู่เวรสามารถขอพี่ๆเพื่อนำเสนอ case เองได้ด้วย เวลาหนึ่งเดือนที่มารับฟัง morning conference ทุกครั้ง จะสะสมประสบการณ์ไว้รอโอกาสผู้ป่วยจริงที่เราต้องเผชิญในยามที่อยู่นอกโรงเรียนแพทย์ด้วย เนื่องจาก extern มีจำนวนมากขึ้น การทำหัตถการต่าง ๆ ต่อคนเหลือน้อยลง แต่ทุกคนไม่ควรพลาดที่จะเข้า morning conference เพราะนี่คือเรื่องจริงประจำวันที่จะต้องคุ้นเคยจนเก่ง ซึ่งเก่งไม่ได้ถ้าไม่คุ้นเคย ดังนั้น morning conference เป็น option ทางวิชาการที่อยากให้เข้ากันด้วยความเต็มใจ ไม่ควรเข้าเพราะรู้สึกถูกบังคับ (แล้วจะนั่งหลับรับอรุณ)

Read More

ต้องเรียนป.บัณฑิตชั้นสูงไหม

การเรียนหลักสูตร ป.บัณฑิตชั้นสูง

การเรียนหลักสูตร ป.บัณฑิตชั้นสูงสูติ-นรีเวช ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่สมควรอย่างยิ่ง หลักสูตรนี้คณะจะออกเงินค่าลงทะเบียนให้ ของสูติ-นรีเวช เป็นหลักสูตร 3 ปี (กำลังจะลดเป็น 2 ปี) เป็นหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เอง ไม่เกี่ยวกับราชวิทยาลัยสูติ ในทางปฏิบัติแล้วเราถือเป็นหลักสูตรที่สอนควบคู่กันไป จบแล้วได้ประกาศนียบัตรป.บัณฑิตชั้นสูง เปิดดูเนื้อหาได้ใน course syllabus ของมช. ในทางปฏิบัติจะนับชั่วโมงการเลคเชอร์หรือชั่วโมงการเรียนรู้จาก conference ต่าง ๆ ของภาควิชา เป็นหลักสูตรรายปี ที่ผ่านมาสอบผ่านหมดทุกคน ถือว่าเป็นการเรียนสองหลักสูตร (คือร่วมกับเตรียมสอบบอร์ดของแพทยสภาด้วย) ในเวลาเดียวกัน

Read More

เรียนสูติฯมช.ต้องติวกลางคืนด้วยหรือ

ติวทุกคืนหรือ?

การฝึกอบรม resident สูติฯ ที่เชียงใหม่ ทราบมาว่ามีการบังคับติวด้วยหรือตอนกลางคืน

ตอบ: ไม่จำเป็น แต่การติวเป็น optional ถือว่าเป็นการเรียนเสริม เป็นบริการทางภาควิชา ให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยการติวตอน 1 ทุ่ม หรือ 2 ทุ่ม ควรเป็น activity ที่มีความสุขในการเรียน ไม่ใช่ spoon feeding แบบจำอ้าปากยัดเยียดความรู้เหมือนในภาคบังคับ โดยทั่วไปได้รับความนิยมสูง ไปฟังติวผ่อนคลาย ใครบางคนอ่านเองได้ในบางส่วนและมีความสุขกว่าก็ไม่ต้องไป แต่โดยทั่วไปชอบไปติวกัน เนื่องจากอาจารย์มาสรุป หรือให้ความรู้ที่เราควรรู้ และรับประกันได้ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ทบทวนความรู้ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ง่ายกว่างมหาองค์ความรู้ที่สำคัญด้วยตัวเอง เพราะท่ามกลางยุคขยะข้อมูลปฏิกูลข่าวสาร เป็นการยากไม่น้อยที่จะรู้ด้วยตัวเองว่าส่วนไหนน่ารู้เป็นลำดับต้น ๆ

Read More

ควรฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่

ควรฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกหรือไม่

รู้จักมะเร็งปากมดลูก … ภัยร้ายของผู้หญิง

ศ.นพ.จตุพล ศรีสมบูรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูก ระหว่างการสัมมนาระดับชาติ ว่า สาเหตุของโรคนี้ พบว่าร้อยละ 99.7 เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ซึ่งมีความทนทานสูง นอกจากนี้ ยังไม่แสดงอาการเมื่อติดเชื้อ เพราะเกิดที่ระดับผิวสัมผัส แต่ไม่ได้เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไม่มีอาการปรากฎชัดเจน โดยไวรัสนี้จะไม่ทำให้เซลล์ตาย แต่จะทำให้เกิดเนื้องอก เมื่อเป็นมะเร็งระยะแรกจะไม่มีอาการปรากฎ โดยมีระยะเวลานับตั้งแต่ติดเชื้อไวรัส HPV จนเกิดโรคประมาณ 10 ปี และแม้อยู่ในวัยหมดประจำเดือนก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ 

ศ.นพ.จตุพล กล่าวว่า สาเหตุความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ คือ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีบุตรหลายคน การสูบบุหรี่ และการมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ทั้งนี้ วิธิป้องกันโรคนี้มีหลายวิธี เช่น การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมข้างตน การฉีดวัคซีน HPV เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน การตรวจคัดกรองด้วยการตรวจแปปสมียร์ การตรวจการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกด้วยน้ำส้มสายชู (VIA) และการตรวจหาการติดเชื้อ HPV

“ส่วนวิธีการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ ผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจแปปเสมียร์อย่างสม่ำเสมอ 1 – 5 ปีต่อครั้ง” ศ.นพ.จตุพล กล่าว

 

Read More

Extern ผ่านวอร์ดสูติฯที่มช. แล้วทำหัตถการอะไรได้บ้าง

Extern ผ่านวอร์ดสูติฯที่มช. แล้วทำหัตถการอะไรได้บ้าง

ทำคลอด normal labor ตามจังหวะที่เหมาะสม (โดยความเห็นของพี่ resident) เพราะต้องเสียสละให้น้องปี 5 ทำเป็นส่วนใหญ่ อาจช่วยน้องเย็บแผล episiotomy ทำการขูดมดลูก หรือ minor operation ภายใต้การควบคุมของพี่ resident หรือ fellow สำหรับการผ่าตัดในห้องผ่าตัดใหญ่มีโอกาสได้ช่วย และเห็น บางทีอาจารย์อาจคุมให้ทำ cesarean section สำหรับ ultrasound อาจารย์จะควบคุมให้ทำเองแบบ hands-on 

Read More

ความผิดร้ายแรงของนศพ.ในทางสูติฯ

Critical Error (ความผิดที่ร้ายแรง)

หมายถึง งานหรือกิจกรรมใดก็ตาม ถ้าหากปฏิบัติโดยเข้าใจผิด หรือละเลยการปฏิบัติสิ่งนั้น แล้วยังผลให้การปฏิบัติกิจกรรมนั้นจะต้องหยุด หรือปฏิบัติไม่สำเร็จ และถ้ายังขืนปฏิบัติต่อไปจะเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย เครื่องมือ หรือต่อตนเอง เกณฑ์ความผิดที่ร้ายแรงตั้งไว้เพื่อช่วยการตัดสินผู้เรียนที่ปฏิบัติผิดพลาด เช่น ในการฉีดยาเข้ากล้าม ถ้าลืมเตรียมเข็มฉีดยา ให้ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง

Critical errors ของหัตถการต่าง ๆ ทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาที่จะได้กล่าวต่อไปนี้ ได้ดัดแปลงมาจากผลการประชุมของคณาจารย์ทางสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาจากคณะแพทยศาสตร์ 8 สถาบัน เพื่อกำหนดใช้เป็นเกณฑ์ร่วมในการประเมินผลนักศึกษาแพทย์ทุกสถาบันโดยมีข้อสรุปว่า นอกเหนือไปจากการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อนั้น ได้แก่ การทำความสะอาดร่างกายบริเวณที่เกี่ยวข้องการสวมถุงมือ และ/หรือ การสวมเสื้อปลอดเชื้อ การเตรียมผู้ป่วยและเครื่องมือ การบันทึกรายงาน การปฏิบัติ การติดตามผู้ป่วยภายหลังหัตถการ แล้ว critical error ของแต่ละหัตถการมีดังนี้ :-

 

1.    Assisting of normal delivery including episiotomy and repair

1.1         ไม่ฉีดยาชาก่อนตัดฝีเย็บ

1.2         ตัดฝีเย็บโดยทำให้เกิดบาดแผลต่อสวนนำของเด็ก หรือตัดลึกลงไปมากจนทะลุหรือผ่าน rectum

1.3         ไม่ได้ดูดของเหลวในปาก หรือจมูกเด็กทันทีที่ศีรษะคลอด

1.4         จับศีรษะเด็ก โดยกด soft part และเป็นอันตรายต่อหลอดเลือด carotid

1.5         ทำคลอดไหล่หน้ารุนแรงผิดปกติ

1.6         จับเด็กไม่ดีทำให้เด็กหลุดจากมือ

1.7         ตัดสายสะดือโดยไม่ผูกหรือหนีบให้แน่นไว้ก่อน หรือเกิดอันตรายอื่น ๆ ต่อเด็ก

1.8         ทำคลอดรกผิดวิธี

1.9         ไม่สามารถตรวจว่ารกและเยื่อหุ้มเด็กคลอดครบหรือไม่

1.10     ไม่ได้ตรวจแผลฝีเย็บและช่องทางคลอด

 

2.    Low forceps extraction

2.1         ไม่ฉีดยาชาก่อนตัดฝีเย็บ

2.2         ไม่ได้ตรวจหา condition ที่ fulfill ก่อนใส่เครื่องมือ เช่น ปากมดลูก, A-P suture, bladder empty หรือไม่

2.3         ใส่ blade ไม่ได้

2.4         Lock ไม่ได้

2.5         ดึงศีรษะไม่ออก

2.6         ไม่ได้ตรวจช่องทางคลอดภายหลังทำคลอดรกแล้ว

2.7         มีภยันตรายที่ร้ายแรงต่อแม่และเด็กขณะนั้น

 

3.    Vacuum extraction

3.1         ไม่ได้ฉีดยาชาก่อนตัดฝีเย็บ

3.2         ไม่ได้ตรวจหา condition ที่ fulfill ก่อนใส่เครื่องมือ หรือตรวจท่าของเด็กผิด

3.3         ถ้วยสุญญากาศไปจับที่อวัยวะอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ศีรษะเด็ก และไปครอบ large fontanel

3.4         ดึงจน cup หลุด แต่ศีรษะเด็กยังไม่คลอด

3.5         ไม่ได้ตรวจช่องคลอดภายหลังทำคลอดรกแล้ว

                                               

4.    Breech assisting

4.1         ไม่ได้ฉีดชาก่อนตัดฝีเย็บ

4.2         ไม่รอให้คลอดเองจนถึงระดับสะดือ

4.3         ไม่จับบริเวณสะโพก และต้นขาเล็ก แต่บีบหน้าท้องเด็ก

4.4         คลอดไหล่และแขนไม่ได้ หรือไม่ถูกวิธี

4.5         ทำคลอดศีรษะเด็กก่อนเห็นชายผม

 

5.    Amniotomy

5.1         ไม่ได้สำรวจหาข้อห้ามในการเจาะถุงน้ำคร่ำ จากประวัติและการตรวจร่างกาย

5.2         ไม่ได้ตรวจภายในเพื่อสำรวจหาข้อห้ามในการเจาะถุงน้ำคร่ำ

5.3         เจาะถุงน้ำคร่ำไม่ได้

5.4         เกิดสายสะดือย้อย หลังเจาะถุงน้ำคร่ำ

5.5         ทำให้ปากมดลูกฉีกขาดจนมีเลือดออกมามาก

5.6         ไม่ได้ฟังเสียงหัวใจเด็กก่อน และหลังเจาะถุงน้ำคร่ำ

 

6.    Manual removal of placenta

6.1         มือไม่ผ่าน internal os เข้าในโพรงมดลูก

6.2         มือที่อยู่บนหน้าท้องไม่อยู่ที่ยอดมดลูก

6.3         ไม่ตรวจรก และ/หรือ เยื่อหุ้มถุงน้ำคร่ำ

6.4         ไม่คลึงมดลูกให้แข็งตัวหลังการล้วงรก

 

7.    Low transverse cesarean section

7.1         ไม่คาสาย urethral catheter

7.2         กรีดหรือตัดผนังหน้าท้องจนเป็นอันตรายต่ออวัยวะในช่องท้อง

7.3         กรีดหรือตัดผนังมดลูกจนไปถูกตัวเด็กทำให้เกิดบาดแผล

7.4         ขยายแผลผ่าตัดอย่างไม่ระมัดระวัง จนทำให้เกิดการฉีดขาดของ uterine vessels

7.5         ทำคลอดเด็กไม่ได้

7.6         ไม่ดูดของเหลวทันทีที่ศีรษะคลอด

7.7         ไม่สำรวจโพรงมดลูกหลังการล้วงรก

7.8         ไม่ถ่างขยายปากมดลูกก่อนเย็บปิดแผลมดลูก ในรายที่ยังไม่เข้าระยะเจ็บท้องคลอด

7.9         เย็บไม่ถึงมุมแผลทั้งสองออก และห้ามเลือดก่อนปิดหน้าท้อง

7.10     ไม่สำรวจจุดเลือดออกและห้ามเลือดก่อนเย็บปิดหน้าท้อง

7.11     ไม่สำรวจเครื่องมือและผ้าซับเลือดก่อนเย็บปิดหน้าท้อง

7.12     เย็บไม่ระวังจนเกิดอันตรายต่ออวัยวะในช่องท้อง

 

8.    Postpartum tubal sterilization

8.1         ไม่ empty bladder

8.2         ทำโดยไม่ใช้ยาชาหรือยาระงับความรู้สึก

8.3         กรีดหรือตัดผนังหน้าท้องจนเป็นอันตรายต่ออวัยวะในช่องท้อง

8.4         หา และ/หรือ จับหลอดมดลูกไม่ได้

8.5         จับหรือดึงหลอดมดลูกแรงเกินไปจนฉีกขาด

8.6         ผูกหลอดมดลูกไม่แน่น หรือหลุด ภายหลังการตัดหลอดมดลูกแล้ว

8.7         ผูกและตัดหลอดมดลูกเพียงข้างเดียว

8.8         ไม่สำรวจจุดเลือดออกและห้ามเลือดก่อนการปิดหน้าท้อง

8.9         ไม่สำรวจเครื่องมือและผ้าซับก่อนเย็บปิดแผลผ่าตัด

8.10     เย็บไม่ระวังจนเกิดอันตรายต่ออวัยวะในช่องท้อง

หมายเหตุ   สำหรับ “interval tubal sterilization” มี critical error เหมือน postpartum tubal sterilization ทุกประการ แต่เพิ่ม “ไม่ตรวจภายในเพื่อดูขนาดและตำแหน่งมดลูก”

 

9.    Dilatation and curettage

9.1         ไม่ให้ยาสลบหรือยาระงับความรู้สึก

9.2         ไม่ตรวจภายในดูขนาดและตำแหน่งของมดลูก

9.3         สอด uterine sound ผิดทิศทาง และ/หรือ รุนแรงเกินไปจนมดลูกทะลุ

9.4         เลือกใช้ Dilator ขนาดไม่เหมาะสมหรือเกินความจำเป็น

9.5         ไม่ดึงเครื่องมือจับปากมดลูกเพื่อตรึงมดลูกขณะขูด

9.6         สอด curette ผิดทิศทาง

9.7         ขูดไม่หมดในกรณีขูดเพื่อการรักษา

9.8         ในกรณีขูดเพื่อการวินิจฉัย ขูด endocervix หลังใส่ uterine sound และไม่แยกดู endocervix กับ endometrium

9.9         ขูดจนมดลูกทะลุ

9.10     ไม่ตรวจชิ้นเนื้อจากการขูด

9.11     ไม่ส่งชิ้นเนื้อตรวจลักษณะทางพยาธิวิทยา

Read More

รับสมัครแพทย์ประจำบ้าน

สูติฯ มช.

รับสมัครแพทย์ประจำบ้านสูติ-นรีเวช

ประกาศข่าวประชาสัมพันธ์!!…ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดรับสมัครแพทย์ทั่วไปผู้สนใจเข้ารับการฝึกอบรมเป็นสูตินรีแพทย์ประจำปีการศึกษา 2554

จำนวนทั้งสิ้น 9-10 ตำแหน่ง (แพทย์ใช้ทุน 3-4 ตำแหน่ง, แพทย์ประจำบ้าน 6 ตำแหน่ง) ระยะเวลาการฝึกอบรม 3 ปี (สำหรับแพทย์ใช้ทุน รวมเวลาทั้งสิ้น 4 ปี) ตามหลักสูตรของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการรับรองจากแพทยสภา โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หมดเขตรับสมัคร 31 สิงหาคม 2553 กำหนดวันสัมภาษณ์และประกาศผล ต้นเดือนกันยายน 2553 ผู้สนใจกรุณาติดต่อ พญ. เกษมศรี ศรีสุพรรณดิฐ โทรศัพท์ 053-945552, 053-946429 (ในเวลาราชการ) โทรสาร 053-946112 หรือ e-mail: ksrisupu@med.cmu.ac.th Download ใบสมัครได้ที่ด้านล่างของ website ภาควิชาฯ (ใบสมัครแพทย์ประจำบ้าน)

Read More

Workshop: Thalassemia Control

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย”

วันที่ 2-3 ธันวาคม 2553 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ส่วนหนึ่งในโครงการเมธีวิจัยอาวุโส โครงการดีเด่นแห่งปี 2552 จากกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา

1. หลักการและเหตุผล

โรคโลหิตจางธาลัสซีเมียนับเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญประการหนึ่งของประเทศไทย การควบคุมและป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเกิดขึ้นใหม่สามารถทำได้ด้วยการตรวจคัดกรองเพื่อหาหญิงตั้งครรภ์และคู่สมรสที่มีความเสี่ยงต่อการมีลูกเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดรุนแรง ทำการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด และให้ทางเลือกโดยยุติการตั้งครรภ์ในกรณีพบว่าทารกเป็นโรค นับเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถลดอุบัติการณ์ของโรคนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย และมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ในการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาคู่สมรสที่เป็นคู่เสี่ยง จึงมีความจำเป็นที่แพทย์ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลทั่วไปจะต้องมีความรู้ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการตรวจคัดกรองโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียวิธีต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง หน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารก ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นในด้านนี้ และเป็นโอกาสอันดีในการเผยแพร่องค์ความรู้จากงานวิจัยจากการที่อาจารย์ประจำหน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกได้รับทุนเมธีวิจัยอาวุโสในหัวข้อเรื่อง “การควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย”ซึ่งในระยะ 3 ปีที่ผ่านมาจากการได้รับทุนวิจัยนี้ ได้ก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และต่อยอดจากความรู้เดิม ในการนำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยเน้นที่สามารถนำมาปฏิบัติได้จริงในทางสาธารณสุข และในส่วนที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาวิจัยเพื่อนำไปต่อยอดให้เกิดความรู้เพิ่มเติมต่อไป จึงได้กำหนดจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเชิงประยุกต์” ขึ้นเพื่อให้แพทย์ที่มีหน้าที่ในการดูแลรักษาสตรีตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลทั่วไป สามารถตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาคู่สมรสที่มีความเสี่ยงต่อการมีลูกเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และได้รับความรู้จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปก่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป

2. วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม

  1. มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างโครงการควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
  2. สามารถประยุกต์ใช้การตรวจคัดกรองโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียเพื่อค้นหาคู่สมรสที่มีความ เสี่ยงได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
  3. สามารถนำองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่ได้จากการศึกษาวิจัยนี้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
  4. เพื่อสร้างบรรยากาศทางวิชาการ การวิจัย และการแลกเปลี่ยนความรู้ ตลอดถึงความร่วมมือของประชาคมวิจัย

3. ผู้เข้าร่วมโครงการ

วิทยากร 13 คน
สูติแพทย์ แพทย์ต่อยอดสาขาเวชศาสตร์มารดาและทารก และผู้สนใจ 70 คน
แพทย์ประจำบ้านสาขาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 30 คน
เจ้าหน้าที่ 7 คน
รวม 120 คน

 

4. วิทยากร

  1. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ธีระ ทองสง
  2. รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงพรรณี ศิริวรรธนาภา
  3. รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชเนนทร์ วนาภิรักษ์
  4. รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงสุพัตรา ศิริโชติยะกุล
  5. รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์วีรวิทย์ ปิยะมงคล
  6. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงเฟื่องลดา ทองประเสริฐ
  7. อาจารย์แพทย์หญิงเกษมศรี ศรีสุพรรณดิฐ
  8. อาจารย์แพทย์หญิงสุชยา ลือวรรณ

วิทยากรรับเชิญ

  1. ศาสตราจารย์ ดร. วิชัย บุญแสง (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย)
  2. ศาสตราจารย์ นายแพทย์ต่อพงศ์ สงวนเสริมศรี (ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
  3. ศาสตราจารย์ ดร. วัชระ กสิณฤกษ์ (ภาควิชาภูมิคุ้มกันวิทยา คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
  4. รองศาสตราจารย์แพทย์หญิง พิมพ์ลักษณ์ เจริญขวัญ (ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)

5. สถานที่

ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเรียนรวม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

6. ระยะเวลา

วันที่ 2-3 ธันวาคม 2553

7. ผู้รับผิดชอบโครงการ

  • หน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารก ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  • สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย

8. การลงทะเบียน

ไม่เก็บค่าลงทะเบียน

กำหนดการอบรมเชิงปฏิบัติการ

เรื่อง “การควบคุมและป้องกันโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย: การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาคู่เสี่ยง”
วันที่ 2-3 ธันวาคม 2553
ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารรวม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

วันที่ 2 ธันวาคม 2553

08.30 – 09.00 น. Registration  
09.00 – 09.15 น. Opening Ceremony คณบดี คณะแพทย์ศาสตร์ มช.
09.15 – 10.15 น. Essential knowledge of thalassemia ร.ศ. พญ. พิมพ์ลักษณ์ เจริญขวัญ
10.15 – 10.30 น. Break  
10.30 – 11.15 น. State-of-the-art in prenatal control of severe thalassemia ศ. นพ. ต่อพงศ์ สงวนเสริมศรี
11.15 – 12.00 น. Problems of prenatal control strategy รศ. พญ. พรรณี ศิริวรรธนาภา
12.00 – 13.00 น. Lunch  
13.00 – 14.15 น. Advance in fetal diagnosis and Therapy ; invasive technique for PND;
in utero treament ; Preimplantation Genetic Diagnosis

ผศ. พญ. เฟื่องลดา ทองประเสริฐ
อ.พญ. เกษมศรี ศรีสุพรรดิฐ
รศ. ดร. นพ. วีรวิทย์ ปิยะมงคล

14.15 – 15.15 น. Exclusive summay from research:
Screening technique ; what is the best? Answer from multicenter study
ศ. ดร. วัชระ กสิณฤกษ์
รศ. นพ. ชเนนทร์ วนาภิรักษ์
รศ. พญ. สุพัตรา ศิริโชติยะกุล
15.15 – 15.30 น. Break  
15.30 – 16.00 น. Guideline for prenatal screening of severe thalasemia diseae from research to clinical application รศ. นพ. ชเนนทร์ วนาภิรักษ์

วันที่ 3 ธันวาคม 2553

08.30 – 9.45 น. Sonomarkers of HbBart’s disease ศ. นพ. ธีระ ทองสง
09.45 – 10.15 น. Basic sonomarker in predicting Hb Bart’s disease simply for general OB-Gyn;
part 1 (CT ratio, Placental thickness )
อ. พญ. ยุรี ยานาเซะ
10.15 – 10.30 น. Break  
10.30 – 11.00 น. Basic sonomarker in predicting Hb Bart’s disease simply for general OB-Gyn ;
part 2 (liver and slpeenic measurement)
อ. พญ. เกษมศรี ศรีสุพรรณดิฐ
11.00 – 12.00 Doppler study in predicting Hb Bart’s disease อ. พญ. สุชยา ลือวรรณ
12.00 – 13.00 น. Lunch  
13.00 – 14.00 น. Fetal echocardiography in Hydrops fetalis ผศ. พญ. เฟื่องลดา ทองประเสริฐ
14.00 – 14.45 น. Exclusive summary for doppler study in predicting Hb bart’s disease ศ. นพ. ธีระ ทองสง
14.45 – 15.00 น. Closing ceremony  
Read More