1.
ส่วนนำ (Preliminary) ประกอบด้วย |
1.1
การทำปกและการเข้าเล่ม |
รายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์ควรใช้กระดาษโรเนียวสั้นและจะต้องทำปกเข้าเล่มให้เรียบร้อย
สวยงาม ข้อความที่จะปรากฏให้เขียนชื่อเรื่อง (ทั้งไทยและอังกฤษ) ชื่อผู้วิจัยทั้งหมด
และปี พ.ศ. ที่ส่งรายงาน พร้อมทั้งชื่อทุนสนับสนุน [ตัวอย่าง]
|
1.2
หน้าชื่อเรื่อง (Title Page) |
ข้อความที่จะปรากฏในหน้าชื่อเรื่องนี้ให้ตรงกับข้อความที่ปรากฏบนปก
และให้มีใบรองปก (Fly Leaf) 1 แผ่น ทั้งปกหน้าและปกหลัง |
1.3
หน้าคำขอบคุณหรือกิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) |
เป็นส่วนที่ผู้วิจัยใช้เพื่อแสดงความขอบคุณต่อผู้มีส่วนช่วยเหลือ
และผู้ให้ทุนอุดหนุนในการทำวิจัย [ตัวอย่าง] |
1.4
บทคัดย่อ (Abstract) |
บทคัดย่อให้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
โดยแยกเป็นคนละส่วน ในแต่ละส่วนควรเขียนไม่เกิน 500 คำ หรือไม่ควรยาวมาก
ควรจะครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้คือ
|
1.4.1
จุดมุ่งหมายในการค้นคว้าและวิจัย
1.4.2 วิธีรวบรวมและจัดทำข้อมูล
1.4.3 ผลการค้นคว้าหรือวิจัยโดยสังเขป
1.4.4 สรุป |
|
1.5
สารบัญ (Table Contents) |
|
<1.6
รายการตารางประกอบหรือสารบัญตาราง (List of Table) |
สำหรับรายงานวิจัยที่มีตารางประกอบ
ให้บอกรายการตารางต่าง ๆ ในหน้าต่อจากสารบัญ |
1.7
รายการภาพประกอบหรือสารบัญภาพ (List of Figures) |
สำหรับงานวิจัยที่มีภาพหรือแผนภูมิประกอบ
ให้บอกรายชื่อภาพหรือแผนภูมิต่าง ๆ ไว้ในหน้าหนึ่งต่างหากต่อจากหน้ารายการตารางประกอบ
|
1.
การพิมพ์ |
ใช้ตัวพิมพ์ชนิดเดียวกันตลอดเล่ม
พิมพ์เพียงครั้งเดียว จำนวน 3 เล่ม และบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ
10 ชุด
- อักษรไทย ใช้อักษรตระกูล UPC หรือ
New ขนาด 16 Points
- อักษรโรมัน ใช้ Times New Roman
หรือ Arial หรือตระกูลเดียวกัน ขนาด 12 Points
|
2.
กระดาษ |
กระดาษพิมพ์รายงานการวิจัยให้ใช้กระดาษขาว
ไม่มีบรรทัด ขนาด A4 ชนิด 70-80 แกรม |
3.
การเว้นที่ว่าง |
ให้เว้นที่ว่างหัวกระดาษและขอบซ้ายมือไว้ประมาณ
1.5 นิ้ว ส่วนขอบขวามือและด้านล่างของกระดาษนั้น ให้เว้นไว้ประมาณ 1 นิ้ว ตัวเลขบอกหน้าให้อยู่ตรงกลางกระดาษห่างจากขอบบน
1 นิ้ว |
4.
การเว้นช่องว่าง |
4.1 |
ระหว่างบรรทัดให้เว้น
1 ช่วงบรรทัดเดี่ยวตาม default ของโปรแกรม Microsoft Word |
4.2 |
ย่อหน้าในเรื่องให้เว้นระยะเข้ามา
8 ช่วงตัวอักษรพิมพ์ หรือ 1.5 ซม. |
4.3 |
ข้อความที่คัดลอกมาจากสิ่งตีพิมพ์อื่นโดยตรงไม่เกิน
3 บรรทัด ก็ให้เขียนต่อไปในเนื้อความนั้นได้เลย โดยไม่ต้องขึ้นบรรทัดใหม่และให้ใส่ไว้ในระหว่างเครื่องหมายอัญประกาศ |
4.4 |
ข้อความที่คัดลอกมาโดยตรงเกิน
3 บรรทัด ก็ให้แยกออกจากตัวเนื้อเรื่อง โดยขึ้นบรรทัดใหม่และย่อหน้าถัดเข้ามาอีก
3 ช่วงตัวอักษรทุกบรรทัด กับให้ห่างจากขอบหลังเป็นระยะเท่ากัน และให้พิมพ์เว้นระหว่างบรรทัด
1 ช่วงบรรทัดเดียว (Single Space) ในกรณีที่มีย่อหน้าภายในข้อความที่คัดลอกมาโดยตรง
ก็ให้ย่อหน้ามาอีก 4 ช่วงตัวอักษรและให้เว้น 1 ช่วงบรรทัด พิมพ์คู่ระหว่างย่อหน้านั้นด้วย
ในการนี้ไม่มีเครื่องหมายอัญประกาศกำกับ |
4.5 |
ถ้าต้องการเว้นข้อความที่คัดลอกมาโดยตรงบางส่วน
ก็ให้พิมพ์สามจุดติดต่อกัน (
) แสดงไว |
4.6 |
หากท่าจะเติมข้อความของท่านเองลงไปในข้อความที่คัดลอกมาโดยตรงก็ให้ใช้เครื่องหมาย
[ ] กำกับ เพื่อให้แตกต่างจากวงเล็บ ซึ่งอาจจะปรากฏในข้อความที่คัดลอกมาโดยตรงนั้น
|
|
5.
การลำดับหน้า |
5.1 |
การลำดับหน้าสวนนำ (Preliminary)
ทั้งหมดใช้ตัวอักษร ก, ข, ค (เว้น ฃ, ฅ) ในกรณีที่พิมพ์เป็นภาษาไทยและให้ใช้เลขโรมัน
ตัวเลข I, II, III
. ในกรณีที่พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ต่อจากนั้นให้ลำดับหน้าโดยใช้เลขกำกับ
ตั้งบทนำหรือบทที่ 1 จนถึงหน้าสุดท้ายของรายงานการวิจัย |
5.2 |
สำหรับหน้าที่สำคัญ ๆ เช่น
หัวหน้าเรื่อง หน้าอนุมัติ หน้าแรกของสารบัญและหน้าแรกของบทนั้น ไม่ต้องใช้หมายเลขหรือตัวอักษรกำกับหน้า
แต่ให้นับจำนวนหน้ารวมไปด้วย |
|
6.
การแบ่งบทและหัวข้อในบท |
6.1 |
บท (Chapter) นั้นต้องขึ้นหน้าใหม่เสมอ
ๆ และมีเลขประจำบท (บทที่ 1, บทที่ 2,
.) ให้พิมพ์ "บทที่
." ไว้ตรงกลางตอนบนสุดของหน้ากระดาษ
ส่วน "ชื่อบท" ให้พิมพ์ไว้ตรงกลางหน้ากระดาษเช่นกัน โดยให้ต่ำลงมาจากขอบบน
2 นิ้ว |
6.2 |
หัวข้อสำคัญ ๆ ในแต่ละบทควรจะอยู่ตรงกลางหน้ากระดาษ
โดยให้ห่างจากบรรทัดบน 2 ช่วงบรรทัดพิมพ์คู่ แล้วให้ยกเว้น 3 บรรทัดพิมพ์เดี่ยว
ก่อนที่จะพิมพ์บรรทัดต่อไป อนึ่ง ถ้าจะขึ้นหน้าใหม่อีก แต่มีที่ว่างสำหรับเขียนข้อความต่อไปได้ไม่เกินหนึ่งบรรทัดแล้วก็ควรจะค้นหัวข้อใหม่ในหน้าถัดไป |
6.3 |
หัวข้อย่อยในแต่ละหัวข้อสำคัญให้พิมพ์ชิดขอบกระดาษข้างซ้าย
โดยเว้นระยะจากบรรทัด 3 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดียว และให้เว้นอีก 3 บรรทัดพิมพ์เดี่ยว
ก่อนที่จะพิมพ์บรรทัดต่อไป ต่อจากหัวข้อย่อยซึ่งพิมพ์ชิดขอบกระดาษ หากมีหัวข้อย่อยลงไปอีกก็ให้ใช้หัวข้อย่อหน้า
การพิมพ์หัวข้อนี้ให้ย่อหน้าและเว้นระยะข้อความตอนบน เช่นเดียวกับย่อหน้าของข้อความรายงานการวิจัยปกติ
ต่อจากหัวข้อย่อหน้าก็ให้เว้นวรรคและพิมพ์ข้อความและพิมพ์ข้อความต่อไปได้เลย
อนึ่ง หัวข้อที่สำคัญขีดเส้นใต้ไว้ด้วย ทุกข้อ |
|
7.
เชิงอรรถ (Footnotes) |
เชิงอรรถ
คือข้อความที่เขียนไว้ที่ส่วนล่างของหน้า แยกออกจากเนื้อเรื่อง โดยมีเส้นคั่นเพื่อให้เนื้อหาในเรื่องมีคำอธิบายและเรื่องราวต่าง
ๆ ซึ่งมิได้อยู่ในประเด็นโดยตรง และในขณะเดียวกันอาจจะช่วยให้ผู้อ่านได้ทราบแหล่งที่มาของหลักฐานข้อคิด
และเรื่องราวที่อาจเป็นประโยชน์ |
|
7.1 |
การพิมพ์เชิงอรรถนั้นให้อยู่ในส่วนล่างของหน้าที่อ้างอิงถึง
(มิให้ไปพิมพ์รวมอยู่ท้ายเล่มทั้งหมด) โดยให้ขีดเส้นคั่นขวางจากขอบซ้ายยาว
2 นิ้ว (หรือยาวตลอดหน้าก็ได้ห่างจากบรรทัดสุดท้ายของตัวเรื่อง 2 บรรทัดคู่) |
7.2 |
การพิมพ์เชิงอรรถนั้น ให้พิมพ์ใต้เส้นขีดคั่นขวาง
1 ช่วงบรรทัดพิมพ์คู่ ในกรณีที่เชิงอรรถที่อ้างอิงเป็นภาษาไทย ถ้าเชิงอรรถมีข้อความเกินหนึ่งบรรทัดให้พิมพ์เว้นหนึ่งช่วงบรรทัดพิมพ์คู่ระหว่างบรรทัดในกรณีที่มากกว่าหนึ่งเชิงอรรถในหน้าเดียวกันให้พิมพ์เว้นจากกัน
3 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว ถ้าเชิงอรรถที่อ้างเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างประเทศ
โดยมีข้อความเกินหนึ่งบรรทัดให้พิมพ์เว้นช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยวระหว่างบรรทัด
ในกรณีที่มีมากกว่าหนึ่งเชิงอรรถในหน้าเดียวกัน ก็ให้พิมพ์เว้นจากกัน
3 ช่วงบรรทัดพิมพ์เดี่ยว |
|
8.
ตาราง กราฟ แผนภูมิ และภาพประกอบต่าง ๆ |
8.1 |
ปกตินั้นทุก ๆ หน้าไม่ควรมีที่ว่างเว้น
นอกจากหน้าสุดท้าของบทเท่านั้น ฉะนั้นถ้ามีตารางจะต้องใส่ แต่ยาวเกินกว่าที่จะจบได้ภายในหน้า
ก็ให้พิมพ์ข้อความต่อไปให้เต็มแล้วจึงใส่ตารางในหน้าต่อไป ถ้าตารางยาวกว่าครึ่งหน้าแล้วก็ควรใส่ไว้เป็นหน้าหนึ่งต่างหาก
ต่อจากหน้าที่อ้างอิงเป็นครั้งแรก ทั้งนี้โดยพยายามจัดให้อยู่กลางหน้า |
8.2 |
ขนาดของตารางไม่ควรเกินกรอบของหน้ารายงานการวิจัย
สำหรับตารางขนาดใหญ่ควรพยายามลดขนาดโดยใช้เครื่องถ่ายสำเนาหรือวิธีอื่น
ๆ ตามความเหมาะสม ตารางที่กว้างเกินกว่าความกว้างของหน้ารายงานการวิจัย
ก็อาจจะจัดหมุนให้ส่วนบนของตารางนั้นหันเข้าหาขอบซ้ายของหน้า อย่างไรก็ตามหากจำเป็นต้องต่อตารางข้างหน้าจริง
ๆ แล้วก็ให้พิมพ์หัวข้อตารางนั้นใหม่เสมอไป |
8.3 |
ให้ลงหมายเลขกำกับตารางเรียงตามลำดับไปจนถึงตารางสุดท้ายของรายงานการวิจัย
และในการอ้างอิงก็ควรให้หมายเลขตารางแทนที่จะอ้างอิงว่า "ตามตารางข้างบน"
หรือ "ตามตารางต่อไป" |
8.4 |
สำหรับกราฟ แผนภูมิและภาพประกอบต่าง
ๆ ให้ถือหลักการตามอย่างของตารางโดยปริยาย |
|
(ดัดแปลงจากข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินส่วนภูมิภาคที่
8 จังหวัดเชียงใหม่ เสนอต่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่- เอกสารแจกในที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมประสานงานวิจัย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในคราวประชุม วันอังคารที่ 17 กันยายน 2544) จัดทำเมื่อ 5 ต.ค.2544