Super User
เจ้าหน้าที่ธุรการ
เจ้าหน้าที่ธุรการ
นส.วนวีณา ณ เชียงใหม่
เลขาภาคฯ พนักงานปฏิบัติงาน (เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป) |
นส.โสภา ปัญญาเจริญม่
พนักงานปฏิบัติงาน (นักวิชาการศึกษา) |
|
|
นายประเสริฐ คันธรส |
นายวรณัน ขันทะมัง |
|
|
นส.พัชรินทร์ บุญมา |
นางเดือนเพ็ญ คำอ้าย |
นส.รุ่งนภา ปารมี |
นส.สุภาพร สุวรรณราช |
นส.วันวิสาข์ ไอถิน |
นายทีวาทร เกียรติบดีสุข |
|
|
งานวิจัย
งานวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่
งานวิจัยที่ตีพิมพ์
งานวิจย
งานวิจัย
แพทย์ประจำบ้านต่อยอด
1 | ทารกแรกเกิดและปริกำเนิด |
2 | พัฒนาการและพฤติกรรม |
3 | โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม |
หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต 2555
บทนำ
การศึกษาวิชากุมารเวชศาสตร์ เป็นการศึกษาต่อเนื่องตั้งแต่การศึกษาของแพทย์ปีที่ 3 จนถึงปีที่ 6 ทั้งยังเป็นวิชาที่เชื่อมโยงคาบเกี่ยวกับภาควิชาอื่น ๆ ในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
วัตถุประสงค์ทั่วไปของภาควิชากุมารเวชศาสตร์ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคณะแพทยศาสตร์โดยรวม นั่นคือเพื่อให้บัณฑิตแพทย์
1) มีจรรยาแพทย์ และจริยธรรมอันดีงาม
2) มีความกระตือรือร้น และมีความสามารถที่จะศึกษาต่อ เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยตนเอง
3) สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ในการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะทางด้านสุขภาพ และอนามัย
4) มีความรู้ ความสามารถทางวิชาชีพ
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ได้จัดหลักสูตรการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์เป็น 4 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 นักศึกษาแพทย์ปี 3 สอนร่วมกับกระบวนวิชา พ.คพ. 331301 (ภาควิชาอายุรศาสตร์) เป็นการสอนบรรยาย 1 ชั่วโมง ตอนต้นของกระบวนวิชา และภาคปฏิบัติ บ่ายวันพุธ (13.00 - 16.00 น.) ทุกวันพุธ รวม 10 สัปดาห์
ระยะที่ 2 นักศึกษาแพทย์ปีที่ 4 จำนวน 4 สัปดาห์ (4 (1-18-0) หน่วยกิต) เป็นทั้งการเรียนทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติที่หอผู้ป่วยใน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
ระยะที่ 3 นัก ศึกษาแพทย์ปีที่ 5 จำนวน 4 สัปดาห์ (4 (1-18-0) หน่วยกิต) เป็นทั้งการเรียนทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติที่หอผู้ป่วยใน หอทารกแรกเกิด หอผู้ป่วยนอก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
ระยะที่ 4 นัก ศึกษาแพทย์ปีที่ 6 จำนวน8 สัปดาห์ (8 (0-48-0) หน่วยกิต) ปฏิบัติงานที่คณะแพทยศาสตร์ 4 สัปดาห์ และโรงพยาบาลสมทบ 4 สัปดาห์ เป็นการเรียนที่เน้นหนักในปฏิบัติโดยนำความรู้ทางทฤษฎีมาประยุกต์ ที่หอผู้ป่วยใน หอทารกแรกเกิด หอผู้ป่วยนอก ห้องฉุกเฉิน ของภาควิชากุมารเวชศาสตร์ และโรงพยาบาลสมทบ
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ทางด้านความรู้ความสามารถทางวิชาชีพเพื่อบัณฑิิตแพทย์ |
||
( ดัดแปลง มาจากเกณฑ์มาตรฐานผู้ประกอบอาชีพ เวชกรรม ของแพทยสภา พ.ศ. 2536 ) |
||
นักศึกษาสามารถนำ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐาน ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก และ ทักษะในการซักประวัติ การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และหัตถการต่างๆ มาประยุกต์ ใช้ในการวินิจฉัย การปฏิบัติรักษา การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยและการป้องกัน ปัญหาทางสุขภาพในเด็ก ที่พบได้บ่อย และ/หรือ มีความสำคัญในประเทศไทยได้อย่างเหมาะสมดังนี้ |
||
1. อาการสำคัญ/ปัญหาที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ 2. โรค/ภาวะ/กลุ่มอาการที่มักเป็นสาเหตุของอาการสำคัญ หรือปัญหาที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ 3. การตรวจโดยใช้เครื่องมือแพทย์พื้นฐาน เครื่องมือพิเศษ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4. หัตถการที่จำเป็นหรือมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาทางสุขภาพ |
1.อาการสำคัญ/ปัญหาที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์: ต้องมีความรู้เกี่ยวกับพยาธิกำเนิด พยาธิสรีรวิทยา สามารถ วินิจฉัยแยกโรค และ สามารถปฏิบัติรักษาเบื้องต้นได้เหมาะสม สำหรับอาการสำคัญ |
||
ปัญหาพฤติกรรมในเด็ก |
ความผิดปกติ, ผิดรูปแต่กำเนิด |
2.โรค/ภาวะ/กลุ่มอาการที่มักเป็นสาเหตุของอาการสำคัญ หรือปัญหาที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ | ||
2.1โรค/ภาวะ/กลุ่มอาการ ฉุกเฉิน : ต้องรู้ และสามารถปฏิบัติรักษาได้อย่างเหมาะสม และทันท่วงที |
||
status asthmaticus |
acute increased intracranial pressure coma convulsion, status epilepticus vit A defficiency (xerophthalmia), beriberi injury (submersion, electrical injury) pneumothorax pulmonary edema , drowning , near drowning respiratory arrest respiratory obstruction, suffocation superior vena cava obstruction drug allergy (angioedema, erythema multiform etc..) neonatal metabolic disorders (hypoglycemia, hypocalcemia, hypothermia) neonatal respiratory distress perinatal asphyxia shock in neonate neonatal convulsion |
2.2โรค/ภาวะ/กลุ่มอาการ ที่พบบ่อย และ/หรือ มีความสำคัญในประเทศไทย : ต้องมีความรู้ความสามารถให้การ วินิจฉัย รักษา ฟื้นฟูสภาพ ให้คำแนะนำ และป้องกันได้เหมาะสมตามสถานการณ์และสถานภาพ แบ่งได้ ดังนี้ |
|||||||||||||||||||||
I. INFECTIOUS AND PARASITIC DISEASES |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Virus |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Fungus |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Parasite |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Other unclassified pathogens: mycoplasma, chlamydia |
|||||||||||||||||||||
Other: immunization | |||||||||||||||||||||
II. NEOPLASM |
|||||||||||||||||||||
Leukemia Malignancy (Wilms' tumor, neuroblastoma, Hodgin' s diseases, Non-hodgin lymphoma, soft tissue sarcoma, etc) |
|||||||||||||||||||||
III. DISEASES OF BLOOD AND BLOOD FORMING ORGANS AND DISODERS INVOLVING THE IMMUNE MECHANISM |
|||||||||||||||||||||
anemia |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
hemorrhagic disorders |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
some immune deficiency states (neutropenia, hypogammaglobulinemia, CGD etc.) |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
IV. ENDOCRINE, NUTRITIONAL AND METABOLIC DISEASES |
|||||||||||||||||||||
Endocrine |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Nutrition |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Metabolic |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
V. MENTAL AND BEHAVIOURAL DISORDERS |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
VI. DISORDERS OF THE NERVOUS SYSTEM |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
VII. DISORDERS OF THE CIRCULATORY SYSTEM |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
VIII.. DISORDERS OF THE RESPIRATORY SYSTEM |
|||||||||||||||||||||
Upper respiratory tract infection |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Lower respiratory tract infection |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Other diseases |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Symptomatology |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
IX. DISORDERS OF THE DIGESTIVE SYSTEM |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
X. DISORDERS OF THE SKIN AND SUBCUTANEOUS TISSUE |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
XI. DISORDERS OF THE MUSCULOSKELETAL SYSTEM AND CONNECTIVE TISSUE |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
XII. DISORDERS OF THE GENITOURINARY SYSTEM |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
XIII. CERTAIN CONDITIONS ORIGINATING IN THE PERINATAL PERIOD |
|||||||||||||||||||||
General |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
Disorder of organ systems |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
XIV. CONGENITAL MALFORMATIONS, DEFORMATIONS AND CHROMOSOMAL ABNORMALITIES |
|||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||
XV. INJURY, POISONING AND CONSEQUENCE OF EXTERNAL CAUSES |
|||||||||||||||||||||
|
3. การตรวจโดยใช้เครื่องมือแพทย์พื้นฐาน เครื่องมือพิเศษ และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ |
||
3.1 การตรวจที่ต้องรู้ข้อบ่งชี้ของการตรวจ เข้าใจวิธีการตรวจ สามารถกระทำได้ด้วยตนเอง และสามารถแปลผลการตรวจได้ถูกต้อง สำหรับโรค / ภาวะ / กลุ่มอาการที่พบบ่อย หรือมีความสำคัญ | ||
การตรวจผู้ป่วยโดยใช้เครื่องมือต่อไปนี้ | ||
|
||
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ | ||
|
||
3.2 การตรวจที่ต้องรู้ข้อบ่งชี้ของการตรวจ เข้าใจวิธีการตรวจ สามารถเตรียมผู้ป่วยสำหรับการตรวจ และสามารถแปลผล การตรวจได้ถูกต้องสำหรับโรค / ภาวะ/ กลุ่มอาการที่พบบ่อย หรือมีความสำคัญ | ||
|
||
3.3 การตรวจที่ต้องรู้ข้อบ่งชี้ของการตรวจ สามารถเตรียมผู้ป่วยสำหรับการตรวจ และ / หรือเก็บตัวอย่างตรวจได้ถูกต้อง และสามารถแปลผล รายงานการตรวจได้ถูกต้อง | ||
|
4. หัตถการที่จำเป็นหรือมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาทางสุขภาพ ได้แก่ |
||
4.1 หัตถการพื้นฐานทางคลินิค : ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องรู้ข้อบ่งชี้ของการทำ เข้าใจวิธีการทำ รู้ภาวะแทรกซ้อน ที่อาจจะเกิดขึ้น และเคยทำด้วยตนเอง | ||
4.1.1 Ëหัตถการพื้นฐานทั่วไป ได้แก่ |
||
|
||
4.1.2 หัตถการพื้นฐานเฉพาะทาง ได้แก่ | ||
incubator lumbar puncture phototherapy | ||
4.2 หัตถการเฉพาะทางที่มีความซับซ้อนกว่าหัตถการพื้นฐาน และมีความสำคัญต่อการรักษา โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน : ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมรู้ข้อบ่งชี้ของการทำ เข้าใจวิธีการทำและรู้ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิด | ||
4.2.1 หัตถการที่เคยทำด้วยตนเอง : paracentesis (abdominal, pleural) | ||
4.2.2 หัตถการที่เคยช่วยทำ หรือเคยเห็น และอาจทำได้ในกรณีที่จำเป็น | ||
peritoneal dialysis bone marrow aspiration umbilical catheterization |
พ.คพ.331301
พ.คพ.331301 (กุมารเวชศาสตร์)
ปีการศึกษา 2555
กระบวนวิชา พ.คพ.331301 : วิธีการตรวจร่างกายและวินิจฉัยโรค
เนื้อหาหลักสูตรสำหรับนักศึกษาแพทย์ปี 3 ปีการศึกษา 2552
การเรียน การสอนและการปฏิบัติงานของส่วนภาควิชากุมารเวชศาสตร์
เป็นกระบวนวิชาเกี่ยวกับ การซักประวัติ การตรวจร่างกายผู้ป่วย (มีทั้งการปาฐกถาและสาธิตถึงเทคนิค และให้ทดลองตรวจด้วยตนเอง) เป็นการสอนนักศึกษาแพทย์ปีที่ 3 ช่วงปลายปีการศึกษา เฉพาะวันอังคาร และวันศุกร์ นาน 3 สัปดาห์(ธันวาคม 2552 - มกราคม 2553)
วัตถุประสงค์การเรียนการสอน ของส่วนภาควิชากุมารเวชศาสตร์
1. เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ทราบและเข้าใจถึงบทบาทของแพทย์ต่อการดูแลผู้ป่วยเด็ก
2. เพื่อให้นักศึกษาแพทย์สามารถเข้สใจถึงพัฒนาการ และการเจริญเติบโตอย่างปกติในเด็ก และสามารถประเมินการเจริญเติบโตที่ปกติในเด็กได้
3. เพื่อให้นักศึกษาแพทย์สามารถทราบถึงแนวทางในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเด็ก และเตรียมความพร้อมสำหรับกระบวนวิชากุมารเวชศาสตร์ 404 อันจะนำมาสู่การซักประวัติ และตรวจร่างกายที่ถูกต้องต่อไป
4. เพื่อให้นักศึกษาแพทย์สามารถเขียนรายงานทางการแพทย์ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง
วิธีการจัดการเรียนการสอนภาคปฏิบัติกับผู้ป่วย
นักศึกษาแพทย์เวียนมาอยู่ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ครั้งละ 75 - 76 คน กลุ่มละ1 สัปดาห์ รวม 3 กลุ่ม (3 สัปดาห์) ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จัดแบ่งนักศึกษาแพทย์ 75 - 76 คนนี้เป็น 6 กลุ่มย่อย กลุ่มละ 12 - 13 คน จัดให้มีอาจารย์ผู้ดูแล 1 ท่านต่อนักศึกษา 6 กลุ่มย่อย นาน 1 สัปดาห์
วิธีการสอน ทุกวันตั้งแต่ 9.30 - 12.00 และ 13.00 - 14.30 น.
วันอังคาร และวันศุกร์
1. Orientation (10.00 - 12.00 น.) แจ้งให้ทราบถึงวิธีการเรียนการสอน แนะนำสถานที่ บุคคล อธิบายรายละเอียดของวิธีการซักประวัติ Hx (อ.แรกขวัญ สิทธิวางค์กูล) และการตรวจร่างกาย(อ.ประไพ เดชคำรณ) ของการเขียนรายงาน แนะนำหนังสือที่จะใช้แจ้งให้ทราบถึงเป้าหมายของนักศึกษาแพทย์ ในการเรียนการสอนของภาควิชากุมารเวชศาสตร์
2. Demonstration เกี่ยวกับการตรวจร่างกายที่ปกติ (13.00 - 14.30 น.) โดยแบ่ง นักศึกษาแพทย์เป็น 6 กลุ่มใหญ่
3. Chief resident จะจ่ายผู้ป่วยให้นักศึกษาแพทย์แต่ละกลุ่มย่อยกลุ่มละ 1 คน
วันศุกร์ อาจารย์ผู้ดูแลประเมินผลนักศึกษาแพทย์ (ให้คะแนนเต็ม 10 คะแนน)
วันเสาร์ - วันอาทิตย์ ขึ้นดูแลผู้ป่วยตามอัธยาศัย
กำหนดการสอบกระบวนวิชา พ.พค.311301
ภาคทฤษฎี วันอังคาร ที่ กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.00 - 12.00 น. ณ อาคารสันทนาการ
ภาคปฏิบัติ (OSCE) วันพุธ ที่ กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 08.30 - 15.10 น. ณ ชั้น 9 อาคารเรียนรวมราชนครินทร์
พ.คพ.331404
พ.ศ. 2555
|
|
|
ตารางการปฏิบัติงาน |
Topics (Activity with staff) |
พ.กม.319491
คู่มือการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาแพทย์ปี 4 เกี่ยวกับการเรียนและการปฏิบัติงาน
ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ปีการศึกษา 2555
พ.กม. 319491 กุมารเวชปฏิบัติทั่วไป
พ.คพ.331504
พ.ศ. 2555
|
คู่มือการเรียนและการปฏิบัติงาน ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ปีการศึกษา 2555 |
|
ตารางการปฏิบัติงาน |
|
Topics (Activity with staff) |
พ.กม.319591
คู่มือการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาแพทย์ปี 5 เกี่ยวกับการเรียนและการปฏิบัติงาน
ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ปีการศึกษา 2555
พ.กม. 319591 กุมารเวชปฏิบัติทั่วไป
พ.วป.332604
กระบวนวิชา พ.วป.332604:กุมารเวชศาสตร์ตามระบบและกุมารเวชศาสตร์
พ.ศ. 2555
|
คู่มือการเรียนและการปฏิบัติงาน ที่ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ ปีการศึกษา 2555 |
|
ตารางการปฏิบัติงาน |
|
Topics (Activity with staff) |
หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต 2554
บทนำ
บทนำ
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ทั่วไปของภาควิชากุมารเวชศาสตร์ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของคณะแพทยศาสตร์โดยรวม นั่นคือเพื่อให้บัณฑิตแพทย์
1) มีจรรยาแพทย์ และจริยธรรมอันดีงาม
2) มีความกระตือรือร้น และมีความสามารถที่จะศึกษาต่อ เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง
3) สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น ในการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะทางด้านุขภาพ และอนามัย
4) มีความรู้ ความสามารถทางวิชาชีพ
ปัญหาพฤติกรรมในเด็ก- หอบเหนื่อย เขียวคล้ำ
- คอพอก ภาวะพร่องไทรอยด์แต่กำเนิด
- ก้อนที่คอ
- การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
- ภาวะผิดรูป
- พัฒนาการปกติและผิดปกติ
- การเจริญเติบโตปกติและผิดปกติ
- คลื่นไส้ อาเจียน กลืนลำบาก ท้องผูก
- ท้องเดิน ปวดท้อง ท้องอืด
- อุจจาระเป็นเลือด อุจจาระดำ อาเจียนเป็นเลือด
- ตาเหลือง ตัวเหลือง
- ท้องโต
- ก้อนเนื้องอก
- ซีด
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- เลือดออกง่าย
- ไข้
- ไข้ออกผื่น
- ความผิดปกติ, ผิดรูปแต่กำเนิด
- ตัวเหลืองในเด็กแรกเกิด
- ท้องอืด, อาเจียน, ถ่ายเป็นเลือด ในเด็กแรกเกิด
- ทารกคลอดก่อนกำหนด, หลังกำหนด
- ปัญหาจากการคลอดในทารก
- ภาวะหายใจผิดปกติในเด็กแรกเกิด
- กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะมีเลือดปน
- บวม
- ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะสีผิดปกติ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ชัก
- ซึม ไม่รู้สต
- ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ
- เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล จาม เลือดกำเดาออก
- หอบเหนื่อย ไอ
- ผื่น คัน
- รอยโรคที่ผิวหนังที่พบใน systemic diseases
- ผื่นในเด็กแรกเกิด
งานบริการสาขาวิชาโรคหัวใจงานบริการสาขาวิชา
การบริการ
ให้บริการตรวจ แปลผลรวมถึงการรักษาต่างๆดังต่อไปนี้
- 1.บริการตรวจผู้ป่วยนอก
ให้บริการตรวจผู้ป่วยโรคหัวใจที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกตามตารางข้าวล่าง
โรคหัวใจ |
วัน |
เวลา |
สถานที่ |
|
โรคหัวใจทั่วไป |
ศุกร์ |
9.00 – 12.00 น. |
ห้องตรวจพิเศษเด็ก 1 ชั้น 6 อาคารศรีพัฒน์ |
|
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ |
พุธ |
13.00 – 16.00 น. |
ห้องตรวจโรคหัวใจ ชั้น 6 อาคารบุญสม มาร์ติน |
|
โรคคาวาซากิ |
จันทร์ อังคาร |
9.00 – 12.00 น. |
ห้องตรวจโรคหัวใจ ชั้น 6 อาคารบุญสม มาร์ติน |
|
นอกจากนี้ยังรับปรึกษาผู้ป่วยเด็กที่มาปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือดจากห้องตรวจผู้ป่วยนอกเด็กทั่วไป ห้องตรวจผู้ป่วยนอกจากภาควิชาอื่นๆ หรือสาขาวิชาอื่นๆ โดยมีแพทย์ประจำที่ห้องตรวจโรคหัวใจเด็ก ชั้น 6 อาคารบุญสม มาร์ติน ในเวลาราชการตลอดเวลา
- 2.บริการตรวจ รักษา ผู้ป่วยในหอผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคอื่นมีปัญหาระบบหัวใจและหลอดเลือดร่วมด้วย
- 3.บริการรับปรึกษาเกี่ยวกับโรคหัวใจเด็กทั้งการวินิจฉัย(ECG, echocardiogram) และรักษาจากแพทย์ในโรงพยาบาลเครือข่ายภาคเหนือ เช่น โรงพยาบาลนครพิงค์ เชียงรายประชานุเคราะห์ ลำปาง แพร่ น่าน พิษณุโลกเป็นต้นทั้งในและนอกเวลาราชการ
นอกจากนี้ทางหน่วยยังมีบริการพยาบาลรับคำปรึกษาเกี่ยวกับอาการ การตรวจและรักษาแก่ผู้ป่วยและญาติตลอดเวลาราชการ
- 4.การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
ตรวจและแปลผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจในเด็กป่วยหรือเด็กที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทุกวันในเวลาราชการ ที่ห้องตรวจโรคหัวใจ ชั้น 6 อาคารบุญสม มาร์ติน หรือตรวจข้างเตียงผู้ป่วยในกรณีผู้ป่วยอาการหนักและเคลื่อนย้ายลำบาก
- 5.การตรวจคลื่นสะท้อนความถี่สูงของหัวใจ (echocardiogram)
เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นสะท้อนความถี่สูงเพื่อตรวจดูโครงสร้างและการทำงานของหัวใจเพื่อช่วยในการวินิจฉัยหรือรักษาเช่นเจาะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ
ตรวจและแปลผลทุกวันในเวลาราชการ ที่ห้องตรวจโรคหัวใจ ชั้น 6 อาคารบุญสม มาร์ติน และตรวจข้างเตียงผู้ป่วยในกรณีผู้ป่วยอาการหนักและเคลื่อนย้ายลำบาก
- 6.การตรวจหัวใจโดยใช้สายสวน(cardiac catheterization angiogram and intervention)
เป็นการตรวจหัวใจโดยใช้ท่อขนาดเล็ก (catheter) ใส่ผ่านเส้นเลือดที่ขาหนีบหรือลำคอเพื่อตรวจวัดความดันและออกซิเจนในช่องหัวใจและเส้นเลือด ร่วมกับการถ่ายภาพด้วยรังสีเพื่อการวินิจฉัยโรคให้แน่นอน นอกจากนี้อาจทำการรักษาไปด้วย เช่น ใส่ลูกโปงไปถ่างขยายลิ้นหัวใจที่ตีบ ใส่ขดลวดไปอุดเส้นเลือดเกิน หรือใส่อุปกรณ์ไปปิดผนังหัวใจรั่วเป็นต้น
ตรวจและรักษาทุกวันพุธ ที่ห้องตรวจสวนหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจ ชั้น 8 อาคารศรีพัฒน์
- 7.การตรวจภาวะเป็นลมหมดสติด้วยเตียงปรับที่ปรับเอียง(tilt table test)
เป็นการตรวจหาสาเหตุการเป็นลมหมดสติจากความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ โดยให้ผู้ป่วนนอนบนเตียงที่สามารถปรับระดับจากนอนราบให้เอียงกับพื้นประมาณ 60-80 องศา และวัดการเปลี่ยนแปลงของชีพจรและความดันโลหิต อาจต้องใช้ยาทางหลอดเลือดดำเพื่อกระตุ้นในบางราย
ตรวจที่ศูนย์โรคหัวใจ ชั้น 8 ตึกศรีพัฒน์
- 8.การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test)
เพื่อตรวจหาการเต้นผิดจังหละหรือเลือดไปเลี้ยงหัวใจผิดปกติ ผู้ป่วยจะได้รับการติดสายวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจและวัดความดันโลหิตและวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้า ดังนั้นเด็กที่มาตรวจจะต้องโตพอที่จะให้ความร่วมมือและวิ่งได้
ตรวจที่ศูนย์โรคหัวใจ ชั้น 8 ตึกศรีพัฒน์
- 9.การตรวจเพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ 24 ชั่วโมง (24-hour Holter monitor)
เพื่อติดตามคลื่นไฟฟ้าหัวใจในผู้ป่วยที่มีอาการในบางเวลาและไม่อาจตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่จะติดแผ่นขั้วสัญญาณ (electrode) บนผนังหน้าอกและมีสายเชื่อมต่อกับเครื่องบันทึกขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตปกติขณะบันทึกได้
ตรวจที่ศูนย์โรคหัวใจ ชั้น 8 ตึกศรีพัฒน์
แพทย์ประจำบ้าน
แพทย์ประจำบ้าน 2555
Senior Residents
แพทย์ใช้ทุนปี 4 และ แพทย์ประจำบ้านปี 3
แพทย์ใช้ทุนปี 3 และ แพทย์ประจำบ้านปี 3
แพทย์ใช้ทุนปี 2 และ แพทย์ประจำบ้านปี 3
แพทย์ประจำบ้านต่อยอด
ปี 2
ปี 1
อดีตหัวหน้าภาควิชา
|
อดีตอาจารย์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
(เรียงตามเกษียณ หรือ ลาออก) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
สาขาวิชาโรคหัวใจ
อาจารย์
เจ้าหน้าที่
ทุนผู้ป่วยเด็กโรคระบบประสาท
ทุนผู้ป่วยเด็กโรคระบบประสาท
Our Vision
เว็บไซต์แนะนำ
Contact Us